นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทุกคนผมเชื่อว่าจะต้องเคยลงทุนในหุ้นบางตัวที่วงการนักลงทุนผู้มุ่งมั่นเรียกว่าเป็น “หุ้นเปลี่ยนชีวิต”
แนวซุปเปอร์สต็อกนั้น ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะไม่ได้เปลี่ยนชีวิตให้กับคนที่ลงทุนรวดเร็วขนาดแค่ภายใน 2-3 ปี แต่มักจะใช้เวลาอาจจะ 4-5 ปีขึ้นไปเป็นอย่างน้อย เพราะหุ้นเหล่านั้นเป็นแนวที่มักจะทำธุรกิจที่สม่ำเสมอและมั่นคงซึ่งก็มักจะส่งผลให้รายได้และกำไรค่อยๆ เติบโตไปปีแล้วปีเล่าในอัตราที่ค่อนข้างสูงประเภทเฉลี่ยปีละ 15-20% เป็นต้น
แต่นั่นก็เช่นกัน การเข้าไปซื้อหุ้นลงทุนในหุ้นดิจิทัล-ไฮเทคที่ประสบความสำเร็จแล้ว ส่วนใหญ่ก็ไม่ทำให้เป็น “” เหตุผลสำคัญก็คือ หุ้นเหล่านั้นมักจะมีราคาสูงมากและอาจจะเกินพื้นฐานไปแล้ว เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ราคาหุ้นขึ้นมาเป็นสิบๆ เท่าหรือมากกว่านั้นในเวลาไม่นาน อาจจะแค่ 2-3 ปี ซึ่งคนที่เข้าไปซื้อหุ้นลงทุนก่อนหน้านั้นด้วยเม็ดเงินจำนวนมากและอาจจะมากกว่า 50% ของพอร์ต และถือไว้จนถึงวันนี้ก็อาจจะเป็น “” แต่คนที่เข้าไปซื้อหลังจากนั้นและในราคาที่สูงลิ่วแล้วด้วยเงินจำนวนมาก เขาก็จะไม่ได้อะไรเลย...
มีเรื่องเล่าว่าบัฟเฟตต์ต้องออกไปสำรวจว่าร้านค้าและลูกค้ายังใช้บัตรของเอเม็กหรือเปล่า คำตอบคือ ทุกอย่างปกติ ซึ่งทำให้บัฟเฟตต์ทุ่มซื้อหุ้นเอเม็กจนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และกล้าใช้เงินลงทุนที่คิดแล้วสูงมากเป็นแนว “ตีแตก” ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด ในช่วงหนึ่งมูลค่าหุ้นขึ้นไปถึง 50% ของพอร์ตซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนผู้ระมัดระวังพึงต้องหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม ภายในเวลาไม่นาน...