หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ ไร้ปัจจัยบวกหนุน จับตาประชุมโอเปกพลัส SET ตลาดหุ้น ตลาดหุ้นไทย หุ้นไทย อินโฟเควสท์
นักวิเคราะห์คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์ ติดตามผลประชุมโอเปกพลัส หากมีการลดกำลังการผลิตลงอีก ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดันดัชนี ส่วนปัจจัยอื่นๆยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน และอาจมีแรงกดดันโอกาสเกิดเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯอยู่ ส่วนตลาดเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน โดยให้แนวต้านที่ 1,600-1,605 จุด แนวรับ 1,575-1,580 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ โดยตลาดยังรอติดตามการประชุมโอเปกพลัสว่าจะมีการพิจารณาเพิ่มหรือลดกำลังการผลิตน้ำมันออกมาเป็นอย่างไร หลังจากคราวก่อนหน้ามีการปรับลดกำลังการผลิตลงไป แต่มีโอกาสที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง ซึ่งจะช่วยหนุนต่อกลุ่มหุ้นพลังงาน ดันดัชนีแกว่งไซด์เวย์อัพได้
ขณะเดียวกันยังไม่มีปัจจัยใหม่ที่เข้ามาหนุนตลาดอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังมีความกังวลในเรื่องของการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯอยู่บ้าง ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่วนตลาดหุ้นเอเชียวันนี้ที่เปิดทำการเคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน โดยที่ตลาดหุ้นจีนสัปดาห์นี้ปิดทำการในวันชาติจีน
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
จับตาประชุมโอเปกพลัส 5 ต.ค.นี้ อาจลดการผลิตน้ำมันถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน : อินโฟเควสท์แหล่งข่าวโอเปกเปิดเผยกับรอยเตอร์ในวันนี้ (1 ต.ค.) ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและพันธมิตร หรือโอเปกพลัส จะจัดประชุมผู้แทนสมาชิกแบบพบหน้ากันในวันพุธที่ 5 ต.ค.นี้ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ทั้งนี้ โอเปกพลัสจะจัดการประชุมแบบออนไลน์ร่วมด้วยสำหรับผู้แทนประเทศสมาชิกบางคนที่ไม่สามารถเดินทางไปเข้าร่วมประชุมด้วยตัวเองได้ เนื่องจากโอเปกประกาศแจ้งอย่างกระชั้นชิดสำหรับการจัดประชุมแบบพบหน้ากัน โอเปกพลัสจัดประชุมดังกล่าวท่ามกลางภาวะราคาน้ำมันที่ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบหลายปีที่เข้าทดสอบในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา และภาวะตลาดผันผวนอย่างหนัก แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า กลุ่มโอเปกพลัสซึ่งรวมถึงรัสเซีย จะจัดการเจรจาที่มุ่งเน้นไปที่แนวโน้มการปรับลดปริมาณการผลิตน้ำมันลง 500,000 บาร์เรลถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อพยุงตลาดน้ำมัน โดยเมื่อต้นสัปดาห์นี้ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับรัสเซียเปิดเผยว่า รัสเซียอาจเสนอให้โอเปกพลัสปรับลดการผลิตน้ำมันลงถึง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
มหาสมุทรอาร์กติกกลายเป็นกรดหลังน้ำแข็งละลาย จ่อกระทบสิ่งมีชีวิตในทะเล : อินโฟเควสท์กลุ่มนักวิจัยนานาชาติ ซึ่งนำโดยคณะนักวิทยาศาสตร์ของจีนเปิดเผยว่า มหาสมุทรอาร์กติกกำลังมีความเป็นกรดรวดเร็วกว่ามหาสมุทรเปิดแห่งอื่นๆ ของโลก เนื่องจากการละลายของน้ำแข็งในทะเล สำนักข่าวซินหัวรายงานผลการศึกษาในวารสารไซแอนซ์ (Science) เมื่อวันศุกร์ (30 ก.ย.) ระบุว่า อัตราการเป็นกรดในมหาสมุทรอาร์กติกฝั่งตะวันตกนั้นเร็วกว่าในแอ่งมหาสมุทรอื่นๆ ราว 3-4 เท่า โดยการเพิ่มขึ้นของคาร์บอนไดออกไซด์จากฝีมือมนุษย์ ส่งผลให้น้ำทะเลมีความเป็นกรดมากขึ้นและแคลเซียมคาร์บอเนตอิ่มตัวน้อยลง ซึ่งเป็นกระบวนการที่เรียกว่า “ปรากฏการณ์ทะเลกรด” (ocean acidification) ทีมวิจัยที่นำโดยคณะนักวิจัยจากสถาบันวิจัยทะเลและขั้วโลกแห่งมหาวิทยาลัยจี๋เหม่ย ได้ทำการสังเคราะห์ข้อมูลคาร์บอเนตในมหาสมุทรจากการล่องเรือวิจัย 47 ครั้งรอบมหาสมุทรอาร์กติกระหว่างปี 2537-2563 เพื่อตรวจสอบว่าวัฏจักรคาร์บอนของมหาสมุทรดังกล่าวนั้นตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างไร ทีมวิจัยพบพื้นที่ส่วนใหญ่ของน้ำทะเลที่เคยถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งนั้นได้สัมผัสกับบรรยากาศ ซึ่งเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการหดตัวของน้ำแข็งทะเล โดยภาวะดังกล่าวกระตุ้นการดูดซึมคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว นำไปสู่ความเป็นกรดของมหาสมุทร และความจุบัฟเฟอร์ (buffer capacity) ของมหาสมุทรลดต่ำลง นอกจากนี้ ทีมวิจัยคาดการณ์ว่า ค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) จะลดลงอีก ณ ระดับละติจูดที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นระดับที่ยังคงเผชิญการหดตัวของน้ำแข็งทะเล พร้อมเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนในการลดการปล่อยคาร์บอนเพื่อรักษาระบบนิเวศของอาร์กติก “ความเป็นกรดของมหาสมุทรสามารถส่งผลร้ายแรงต่อสิ่งมีชีวิตในทะเล เช่น หอยกาบ หอยแมลงภู่ และหอยสังข์ ซึ่งเป็นอาหารหลักสำหรับปลาแซลมอนและปลาเฮอริงอาร์กติก” ฉีตี้ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยจี๋เหม่ย และผู้เขียนงานวิจัยกล่าว โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ …
อ่านเพิ่มเติม »
นายกฯเชื่อมั่น'เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด'เจาะตลาดซาอุฯเพิ่มมูลค่า 1 หมื่นลบ.ใน1 ปี : อินโฟเควสท์นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รับทราบการมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของ นายอับดุลเราะห์มาน บิน อับดุลมุห์สินอัลฟัฎลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อม น้ำ และการเกษตร แห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้หารือกับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันที่ 30 ก.ย ที่ผ่านมา เป็นการต่อยอดความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ภายหลังการปรับความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้กลับเป็นปกติโดยสมบูรณ์ ผลจากการไปเยือนซาอุดีอาระเบียของนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนมกราคม 2565 ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย กล่าวถึงผลการหารือว่าไทยและซาอุดีอาระเบียเห็นพ้องให้มีกลไกความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกัน โดยฝ่ายซาอุฯ เสนอให้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (Memorandum of Understanding: MOU) ที่จะครอบคลุมหลายด้าน เช่น ด้านการประมง เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และกฎระเบียบการลงทุนด้านกิจการประมงในซาอุดีอาระเบีย และด้านการค้าสินค้าเกษตร ซึ่งซาอุฯเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง จะมีการขยายความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในลักษณะ Business to Business (B2B) และการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) เพื่อเพิ่มโอกาสการค้าและการลงทุนด้านเกษตรและอาหาร โดยสำนักการเกษตรต่างประเทศจะเป็นผู้ประสานงานในเรื่องดังกล่าวต่อไป มากไปกว่านั้น ทางซาอุฯ …
อ่านเพิ่มเติม »
'อีโบลา' คร่าชีวิตบุคลากรการแพทย์รายแรกในยูกันดา : อินโฟเควสท์นางเจน รูธ เอเซง รัฐมนตรีสาธารณสุขของยูกันดาเปิดเผยในวันนี้ (1 ต.ค.) ว่า แพทย์ชาวแทนซาเนียที่ทำงานในยูกันดาและติดเชื้ออีโบลานั้น ได้เสียชีวิตลงแล้ว ซึ่งนับเป็นบุคลากรการแพทย์รายแรกที่เสียชีวิตจากโรคอีโบลาที่ระบาดครั้งล่าสุดในประเทศ “ดิฉันเสียใจที่ต้องประกาศว่า เราได้สูญเสียแพทย์คนแรกของเรา ดร.โมฮัมเหม็ด อาลี นายแพทย์ชาวแทนซาเนีย วัย 37 ปี” รมว.สาธารณสุขของยูกันดาระบุในทวิตเตอร์ นางเอเซงเปิดเผยว่า นายแพทย์อาลีติดเชื้ออีโบลาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา และเสียชีวิตขณะที่ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในเมืองฟอร์ต พอร์ทัล ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงกัมปาลา เมืองหลวงของยูกันดาประมาณ 300 กิโลเมตร สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทางการยูกันดาได้ประกาศการระบาดของโรคอีโบลาเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตสุขภาพครั้งใหญ่ในยูกันดาซึ่งมีประชากร 45 ล้านคน ขณะที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสอีโบลาสายพันธุ์ซูดานในการระบาดครั้งล่าสุดนี้ กระทรวงสาธารณสุขยูกันดาเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (30 ก.ย.) ว่า ก่อนการเสียชีวิตของนายแพทย์อาลีนั้น ยูกันดาพบผู้ติดเชื้ออีโบลาในประเทศ 35 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากโรคดังกล่าวแล้ว 7 ราย ทั้งนี้ ไวรัสอีโบลาส่วนใหญ่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ ส่วนอาการของโรคได้แก่ การอ่อนเพลียอย่างรุนแรง ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะและเจ็บคอ อาเจียน …
อ่านเพิ่มเติม »
ผู้ว่าธปท.คาดเศรษฐกิจไทยกลับสู่ภาวะปกติได้ปลายปี 65-ต้นปี 66 เร่งลดหนี้ครัวเรือน : อินโฟเควสท์นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธปท.มีภารกิจในการกำกับดูแลระบบเศรษฐกิจให้เติบโตต่อเนื่อง ไม่มีอะไรที่หวือหวา ทำหน้าที่เสมือนหางเสือเรือ โดยปัจจัยที่ต้องดูแล ได้แก่ 1.การส่งเสริมให้ระบบเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างราบรื่น (Smooth take off) ซึ่งคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะกลับคืนสู่ภาวะปกติก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 ได้ราวปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า โดยมาตรการที่ใช้จะคำนึงถึงบริบททางเศรษฐกิจเฉพาะตัว ให้มีการเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป เกิดความสมดุลและยั่งยืน 2.การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นในช่วงเกิดวิกฤตโควิด-19 จากระดับ 50% เป็น 88% ของจีดีพี ให้ลดลงมาอยู่ในระดับไม่เกิน 80% ของจีดีพี ซึ่งต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามหลักการ แก้ไขให้ตรงจุด ไม่ใช้การเหวี่ยงแห 3.คำนึงถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม (Green) ซึ่งเป็นประเด็นที่ประเทศในยุโรปกำลังหยิบยกมาเป็นมาตรการกีดกันทางการค้า 4.การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยการจัดวางระบบเศรษฐกิจ (Ecosystem) เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่จะช่วยเพิ่มโอกาสจากการเปลี่ยนแปลง ซึ่งปัจจุบันมีความก้าวหน้าไปมาก เช่น ระบบพร้อมเพย์ ระบบคิวอาร์โค้ด ที่สามารถต่อยอดเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค 5.การพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร (HROD) ด้านนายเมธี สุภาพงษ์ รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มั่นใจว่าภาวะเศรษฐกิจจะกลับสู่ปกติภายในปีหน้าจากการฟื้นตัวด้านท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว 21 …
อ่านเพิ่มเติม »
ปลัด สธ.คนใหม่ใช้บทเรียนโควิดพัฒนาปรับปรุงระบบสาธารณสุขต่อเนื่อง : อินโฟเควสท์นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่ เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิในกระทรวงสาธารณสุข และให้สัมภาษณ์ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ส่งผลให้ระบบสาธารณสุขไทยเปลี่ยนไปจากเดิมค่อนข้างมาก เป็นบทเรียนในการจัดการ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยได้รับความร่วมมือจากคนทั้งประเทศทำให้ผ่านพ้นวิกฤตไปด้วยดีทั้งจากฝ่ายนโยบาย ระบบสาธารณสุขที่มีความเข้มแข็งในการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรค การรักษา โดยบุคลากรทางการแพทย์ทุกสังกัด การสนับสนุนจัดหายา วัคซีน การกระจายกำลังคน อสม. ที่สำคัญคือ ประชาชนมีความตื่นตัวทางสุขภาพและให้ความร่วมมืออย่างดี ถือเป็นจุดแข็งที่จะนำมาพัฒนาปรับปรุงระบบสาธารณสุขต่อไป รวมถึงการบรรจุบุคลากรสาธารณสุขเป็นข้าราชการ 4.5 หมื่นตำแหน่ง และการที่โรงพยาบาลหมดปัญหาหนี้สินและมีเงินบำรุงเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงานโควิด 19 จะเป็นปัจจัยที่ช่วยพัฒนาระบบสาธารณสุขในระยะ 3 ปีต่อจากนี้ นพ.โอภาสกล่าวต่อว่า การทำงานจากนี้จะยึดนโยบายของรัฐบาล ทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูประบบสาธารณสุข รวมถึงนโยบายของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง “Health for Wealth” สร้างสมดุลระหว่างสุขภาพและความมั่งคั่ง ซึ่งหมายถึงความมั่งคั่งทางสุขภาพ ที่เป็นต้นทุนที่สำคัญของประเทศ ซึ่งภาพรวมมี 5 เรื่อง คือ สร้างความเข้มแข็งทางสุขภาพของประชาชน, ความเข้มแข็งหน่วยบริการ, การดูแลผู้สูงอายุให้สุขภาพดี ทำงานได้เหมาะสมตามสภาพ, …
อ่านเพิ่มเติม »