หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์รอโหวตเลือกนายกฯ กังวลเศรษฐกิจจีนชะลอ SET ตลาดหุ้นไทย หุ้นไทย
นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งไซด์เวย์รอความชัดเจนโหวตเลือกนายกฯ แต่ยังไร้ปัจจัยใหม่ ประกอบกับเป็นช่วงโค้งสุดท้ายประกาศงบฯไตรมาส 2/66 ด้านปัจจัยต่างประเทศมีความกังวลเศรษฐกิจจีนชะลอ และราคาน้ำมันย่อตัว พร้อมให้แนวต้าน 1,545 จุด แนวรับ 1,520 จุดรองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.
-ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 32,372.53 จุด เพิ่มขึ้น 312.62 จุด หรือ +0.98%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,180.56 จุด เพิ่มขึ้น 2.13 จุด หรือ +0.07% และดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 18,599.20 จุด ลดลง 174.35 จุด หรือ -0.93%– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 304.21 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 ส.ค.66– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด อยู่ที่ 12.74 เหรียญ/บาร์เรล– คณะกรรมการไต่สวนชง กกต.
– เอพีหวั่นกรณีหุ้นกู้บริษัทอสังหาริมทรัพย์-สตาร์ค เป็นระเบิดลูกใหญ่ ฉุดความเชื่อมั่นแบงก์ปล่อยกู้-บจ.ออกหุ้นกู้ใหม่ยาก หวั่นจัดตั้งรัฐบาลใหม่ยืดเยื้อถึงปลายปี กระทบเบิกจ่ายปีงบประมาณ 2567
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
'เพื่อไทย' เปิดไพ่ดึงพรรคอื่นร่วมตั้งรัฐบาลหารือ 8 พรรค ถก 'ก้าวไกล' ปลดล็อก ม.112 : อินโฟเควสท์นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแถลงรับไม้ต่อพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าภายใต้ข้อตกลงของ 8 พรรคการเมืองเดิม พรรคการเมืองทั้ง 8 พรรคสามารถรวมเสียงได้ 312 เสียง ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาไม่เห็นชอบเนื่องจากมีเงื่อนไขสำคัญที่เกี่ยวกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จึงส่งผลให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงมีความจำเป็นต้องหาเสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาเพิ่มเติม เพื่อให้ได้เสียงเกินกว่า 375 เสียง เบื้องต้นพรรคเพื่อไทยจะขอเสียงสนับสุนนจาก สว. และ สส.จากพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ในที่สุด โดยจะนำแนวทางต่าง ๆ เข้าหารือร่วมกับ 8 พรรคการเมืองเดิมในเวลา 15.00 น. เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป พร้อมกันนั้น จะหารือกับพรรคก้าวไกลว่าหากประเด็นการแก้ไข ม.112 เป็นปัญหาที่ทำให้จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้หรือไม่ และจะฝ่าไปได้อย่างไร โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
นิวยอร์กยอมจ่ายเงินชดเชย 13 ล้านดอลลาร์ให้ผู้ประท้วงกรณี 'จอร์จ ฟลอยด์' : อินโฟเควสท์สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นครนิวยอร์กตกลงจ่ายเงินชดเชยรวม 13 ล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้ชุมนุมหลายร้อยคนที่ถูกจับกุมตัวระหว่างการประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรมให้จอร์จ ฟลอยด์ เมื่อปี 2563 โดยทนายความฝ่ายโจทก์ระบุว่าเป็นการยุติการดำเนินคดีแบบกลุ่มที่มีจำนวนเงินชดเชยสูงสุดเท่าที่เคยจ่ายให้แก่ผู้ประท้วงในสหรัฐ ทั้งนี้ การประท้วงในนครนิวยอร์กและทั่วประเทศเป็นผลสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2563 หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองมินนีแอโพลิสใช้หัวเข่ากดลำคอของนายจอร์จ ฟลอยด์ เป็นเวลากว่า 9 นาทีจนเสียชีวิต ขณะที่เขาร้องขอความช่วยเหลือซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยกล่าวว่า “ผมหายใจไม่ออก” ทนายความฝ่ายโจทก์แถลงว่า เมื่อวันพุธ (19 ก.ค.) นครนิวยอร์กตกลงจ่ายเงินให้แก่ผู้ประท้วงกว่า 1,300 คน คนละ 9,950 ดอลลาร์ ซึ่งผู้ประท้วงเหล่านี้ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจนิวยอร์กในระหว่างวันที่ 28 พ.ค. ถึง 4 มิ.ย. 2563 อย่างไรก็ดี การจ่ายเงินชดเชยครั้งนี้ไม่ครอบคลุมผู้ที่ถูกจับกุมในข้อหาอื่น เช่น วางเพลิงหรือทำลายทรัพย์สิน เรมี กรีน หนึ่งในทนายความฝ่ายโจทก์ระบุในแถลงการณ์ว่า “การจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้ประท้วงจำนวนมากถือเป็นความสำเร็จที่น่ายินดีก็จริง แต่ประชาชนชาวนิวยอร์กผู้เสียภาษีจะต้องจ่ายเงินหลายล้านต่อไปจนกว่านครนิวยอร์กจะเลิกเห็นด้วยกับความรุนแรงของสำนักงานตำรวจนครนิวยอร์ก (NYPD)” ทั้งนี้ NYPD เปิดเผยว่าได้มีการปรับปรุงแนวปฏิบัติมากมายในการรับมือกับการประท้วง เช่น การประท้วงที่เกิดขึ้นในระหว่างสถานการณ์โควิด โดยระบุว่า “นครนิวยอร์กและ […]
อ่านเพิ่มเติม »
'วันนอร์' เมินทัวร์ลง! ปมดราม่าโหวตนายกฯ ยันทำหน้าที่เป็นกลาง : อินโฟเควสท์นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงเรื่องเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในโซเชียล และสมาชิกรัฐสภาหรือทัวร์ลงนั้น จากการทำหน้าที่ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมานั้นว่า ใครจะคิดเห็นอย่างไรก็เป็นสิทธิที่สามารถคิดแตกต่างได้ ส่วนตัวไม่กลัวทัวร์ลง เพราะต้องการทำหน้าที่เพื่อให้ได้นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ส่วนที่จะมีข้อตำหนินั้นพร้อมยอมรับคำตำหนิส่วนตัวไม่มีปัญหาและยอมรับได้ พร้อมย้ำว่า ได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ทำด้วยความเป็นกลางแล้ว เป็นเรื่องธรรมดา หากต้องตัดสินอะไร ย่อมมีผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ การประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมายังมีบางประเด็นที่ไม่เข้าใจถึงการทำหน้าที่ของประธานการประชุมเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 แต่ก่อนการประชุมมีข้อคิดเห็นที่ยังไม่ตรงกัน คือ มีบางฝ่ายเสนอว่าไม่ควรเสนอชื่อซ้ำ เพราะจะไปขัดกับข้อบังคับข้อที่ 41 แต่มีอีกฝ่ายเห็นว่าการเสนอเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ญัตติปกติทั่วไปเป็นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับการประชุม หมวด 9 ที่ได้ออกพิเศษเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี จึงเกิดการถกเถียงว่าไม่ควรใช้ข้อบังคับข้อที่ 41 และในการประชุมวิป 3 ฝ่าย เมื่อวันที่ 18 ก.ค.66 ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป จึงต้องไปขอความคิดเห็นต่อที่ประชุมรัฐสภาในวันที่ 19 ก.ค.66 แต่การถกเถียงก็ยังไม่ได้ข้อสรุป และจากการที่ได้ฟังการอภิปรายตลอด 6 ชั่วโมงไม่มีใครอภิปรายว่า มีเหตุการณ์อะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จึงตัดสินใจวินิจฉัยให้ลงมติจนมีการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่เกิดขึ้น นายวันมูหะมัดนอร์ ชี้แจงว่า เป็นประธานรัฐสภาสามารถชี้ขาดได้โดยไม่ต้องรอมติที่ประชุม […]
อ่านเพิ่มเติม »
เงินบาทเปิด 33.85 แข็งค่ารอบ 2 เดือน สวนทางภูมิภาค ปัจจัยการเมืองในประเทศหนุน : อินโฟเควสท์นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.85 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 34.04 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้เงินบาทแข็งค่าสวนทางสกุลเงินอื่นในภูมิภาค และเป็นการแข็งค่าสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากเป็นเพราะปัจจัยการเมืองในประเทศของไทยเอง หลังจากเมื่อวานนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่สามารถได้รับการเสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรีต่อที่ประชุมรัฐสภาเป็นครั้งที่ 2 ได้อีก ทำให้ตลาดมองว่าจะเป็นพรรคการเมืองอื่นที่มีโอกาสเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน “บาทแข็งสวนตลาด น่าจะเป็นเพราะตลาดเห็นความชัดเจนของทิศทางการเมือง พอ พิธา ไม่ได้นายกฯ แน่แล้ว ตลาดมองว่าจะเป็นพรรคอื่นมาแทน ซึ่งน่าจะเป็นพรรคที่มีนโยบายแบบ market friendly มากขึ้น” นักบริหารเงิน ระบุ นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.80 – 34.10 บาท/ดอลลาร์ ปัจจัยวันนี้ยังคงต้องติดตามทิศทางการเมืองในประเทศอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศคืนนี้ รอดูสหรัฐฯ จะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ *ปัจจัยสำคัญ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
'เน็ตฟลิกซ์' โชว์กำไรสูงกว่าคาดใน Q2/66 หลังห้ามแชร์รหัสบริการสตรีมมิง : อินโฟเควสท์บริษัทเน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการสตรีมมิงภาพยนตร์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยกำไรสูงกว่าคาดในไตรมาส 2/2566 หลังจากบริษัทเริ่มใช้มาตรการห้ามแชร์รหัสบัญชีบริการสตรีมมิง กำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ระดับ 3.29 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 2.86 ดอลลาร์ และรายได้อยู่ที่ 8.19 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 7.97 พันล้านดอลลาร์ แต่ตัวเลขดังกล่าวต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 8.30 พันล้านดอลลาร์ ส่วนจำนวนสมาชิกที่จ่ายค่าบริการสตรีมมิงทั่วโลก เพิ่มขึ้น 5.9 ล้านราย หรือประมาณ 8% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บริษัทเริ่มบังคับใช้มาตรการห้ามแชร์รหัสบัญชีบริการสตรีมมิงในสหรัฐ โดยเน็ตฟลิกซ์ระบุว่าทางบริษัทจะเปิดเผยนโยบายใหม่ซึ่งจะมีผลบังคับใช้กับลูกค้าในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ เน็ตฟลิกซ์คาดการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 3/2566 จะอยู่ที่ 8.5 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากจำนวนสมาชิกที่จ่ายค่าบริการสตรีมมิงเพิ่มขึ้น ในการแถลงผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2566 เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น เน็ตฟลิกซ์ประกาศเลื่อนการบังคับใช้มาตรการห้ามแชร์รหัสบัญชีบริการสตรีมมิ่งออกไปเป็นไตรมาส 2/2566 […]
อ่านเพิ่มเติม »
แบงก์ชาติจีนคงดอกเบี้ย LPR ตามคาด ตลาดจับตาจีนออกมาตรการกระตุ้นศก. : อินโฟเควสท์ธนาคารกลางจีน (PBOC) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปีที่ระดับ 3.55% และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีที่ระดับ 4.20% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ อัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 1 ปีของจีนเป็นดัชนีวัดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของภาคเอกชน ส่วนอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปีเป็นดัชนีวัดทิศทางอัตราดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเพื่อการกู้จำนอง การคงอัตราดอกเบี้ย LPR ในวันนี้ มีขึ้นหลังจากธนาคารกลางจีนประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ระยะ 1 ปีซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของจีน ที่ระดับ 2.65% เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา แม้มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนอ่อนแรงลงและทำให้หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้ทางการจีนเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในไตรมาส 2/2566 ขยายตัวเพียง 6.3% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.3% ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดหวังว่ารัฐบาลจีนจะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัวได้ตามเป้าหมายในปีนี้ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์หลายรายในตลาดการเงินคาดการณ์ว่า จีนอาจจะออกมาตรการกระตุ้นในวงจำกัดและเจาะจงเป้าหมาย เนื่องจากกังวลว่าหากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกก็จะทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างจีนกับสหรัฐปรับตัวกว้างขึ้นและสร้างแรงกดดันเพิ่มขึ้นต่อค่าเงินหยวน […]
อ่านเพิ่มเติม »