หุ้นไทยปิดเช้าลบ 8.31 จุดเผชิญแรงขาย Big Cap ต่อเนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองกดดัน SET ตลาดหุ้น ตลาดหุ้นไทย หุ้นไทย อินโฟเควสท์
SET ปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,525.23 จุด ลดลง 8.31 จุด มูลค่าการซื้อขายราว 25,034.85 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง เผชิญแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนทางการเมือง ขณะเดียวกัน Valuation P/E ที่ 16 เท่า ของตลาดบ้านเรายังแพงกว่าตลาดภูมิภาคด้วย แนวโน้มช่วงบ่ายคาดซึมลงต่อ ให้แนวรับ 1,502-1,507 จุด และให้แนวต้านไว้ที่ 1,535-1,540 จุดการซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีปรับตัวลง โดยทำระดับต่ำสุด 1,523.55 จุด และสูงสุด 1,536.
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาปรับตัวลง แม้ Sentiment โดยรวมดูดีขึ้น แต่ยังเผชิญแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ออกมาต่อเนื่อง จากความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งถือเป็นปัจจัยหลักต่อเงินทุนต่างชาติไหลเข้า ประกอบกับ Valuation P/E ที่ 16 เท่า ค่อนข้างแพงกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคด้วย
แนวโน้มช่วงบ่ายคาดตลาดฯ ซึมตัวลงต่อ มีโอกาสลงไปทดสอบแนวรับที่ 1,502-1,507 จุด และให้แนวต้านไว้ที่ 1,535-1,540 จุด แนะติดตามการเปิดเผยตัวเลขภาคแรงงานของสหรัฐในคืนนี้ และการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 มิ.ย.DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,330.63 ล้านบาท ปิดที่ 98.75 บาท ลดลง 0.25 บาทMAKRO มูลค่าการซื้อขาย 857.53 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท ลดลง 1.75 บาทSTARK มูลค่าการซื้อขาย 830.57 ล้านบาท ปิดที่ 0.18 บาท ลดลง 2.20 บาท
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
หุ้นไทยปิดเช้าลบ 3.41 จุด แกว่งในกรอบรอความชัดเจนผลประชุม 8 พรรคร่วม-ตัวเลขส่งออก : อินโฟเควสท์ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ 1,537.56 จุด ลดลง 3.41 จุด (-0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 21,911 ล้านบาท การซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนบวกและแดนลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,545.55 จุด และต่ำสุด 1,534.95 จุด นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าเคลื่อนไหวในกรอบ รอความชัดเจนจากปัจจัยการเมืองของการประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลว่าจะมีความชัดเจนของความขัดแย้งการแต่งตั้งประธานสภาฯ ออกมาอย่างไร รวมถึงรอการรายงานตัวเลขส่งออกเดือนเม.ย.66 ออกมาในช่วงบ่ายวันนี้ อย่างไรก็ตาม มูลค่าการซื้อขายยังคงเบาบางต่อเนื่อง ซึ่งนักลงทุนอาจจะยังคงชะลอการลงทุน เพื่อรอความชัดเจนต่างๆ โดยเฉพาะปัจจัยการเมืองในประเทศ ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจ ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายคาดว่ายังแกว่งในกรอบต่อไป ยังคงต้องติดตามปัจจัยการเมืองในวันนี้เป็นหลัก โดยให้แนวต้าน 1,545 จุด แนวรับ 1,525 จุด ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,309.04 ล้านบาท […]
อ่านเพิ่มเติม »
JMT บวก 6.92% จากเข้าคำนวณ MSCI Global Small cap-ผลงานเริ่มฟื้นตัว : อินโฟเควสท์JMT ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 6.92% หรือเพิ่มขึ้น 2.75 บาท มาที่ 42.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 389.19 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.21 น. จากราคาเปิด 39.75 บาท ราคาสูงสุด 42.75 บาท ราคาต่ำสุด 39.25 บาท นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย กล่าวว่า ราคาหุ้นบมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ที่ปรับขึ้นเด่นในวันนี้ คาดว่าจะเป็นผลจากการที่ JMT จะได้คำนวณใน MSCI Global Small Cap อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวเป็นเพียงปัจจัยบวกระยะสั้น เชื่อว่านักลงทุนจะให้น้ำหนักกับผลประกอบการและปัจจัยพื้นฐานมากกว่า ซึ่งมีแนวโน้มที่จะค่อยๆ ดีขึ้นจากนี้หนุนจากรายได้ที่มากขึ้นตามพอร์ต NPL ที่สูงขึ้น รวมถึงการเก็บเงินสดที่มากขึ้นจากกิจกรรมเศรษฐกิจภายในประเทศที่ดีขึ้น และ ECL ที่จะลดลง อิงราคาเป้าหมายเฉลี่ยของ Bloomberg […]
อ่านเพิ่มเติม »
WHO เผยสถานพยาบาลยูเครนถูกโจมตีกว่า 1,000 ครั้งในการทำสงครามกับรัสเซีย : อินโฟเควสท์องค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยเมื่อวานนี้ (30 พ.ค.) ว่า WHO ได้รับรายงานว่ามีการโจมตีสถานพยาบาลในยูเครน 1,004 ครั้งระหว่างการรุกรานของรัสเซีย ซึ่งนับเป็นตัวเลขสูงที่สุดที่ WHO ได้บันทึกไว้จากความขัดแย้งใด ๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น WHO ระบุในแถลงการณ์ผ่านอีเมลว่า “การโจมตี 1,004 ครั้งที่ได้รับการยืนยันจาก WHO ตลอดระยะเวลา 15 เดือนของสงครามเต็มรูปแบบทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 101 ราย ซึ่งรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และผู้ป่วย และทำให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก” รายงานจาก UN ระบุว่า รัสเซียส่งกองกำลังหลายหมื่นนายเข้ารุกรานยูเครนตลอดระยะเวลา 15 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นสงครามใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยการสู้รบได้คร่าชีวิตพลเรือนไปหลายพันคนและทำให้ผู้คนหลายล้านคนต้องพลัดถิ่น ทั้งนี้ WHO ได้บันทึกจำนวนการโจมตีสถานพยาบาล 896 ครั้ง, การขนส่ง 121 ครั้ง, บุคลากร 72 ครั้ง และคลังสินค้า 17 ครั้งในยูเครนระหว่างการสู้รบกับรัสเซีย โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 […]
อ่านเพิ่มเติม »
ที่ปรึกษาศก.ญี่ปุ่นคาด BOJ ขึ้นดอกเบี้ยต้นปีหน้า หากค่าแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง : อินโฟเควสท์นายทัตสึโตมุ วาตานาเบะ นักวิชาการซึ่งมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในช่วงต้นปีหน้า หากค่าแรงในญี่ปุ่นขยายตัวได้อย่างยั่งยืน นายวาตานาเบะเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ว่า อัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นจะยังคงเร่งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากบริษัทเอกชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าพวกเขาสามารถปรับขึ้นราคาสินค้าโดยไม่ทำให้ผู้บริโภควิตกกังวล โดยนายวาตานาเบะเคยเป็นเจ้าหน้าที่ของ BOJ และเป็นผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับในการวิเคราะห์ทิศทางเงินเฟ้อของญี่ปุ่น “เมื่อพิจารณาจากท่าทีของกลุ่มบริษัทเอกชนและข้อมูลมากมายที่มีการเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ เราจะเห็นได้ว่าเงินเฟ้อยังไม่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ขณะนี้ญี่ปุ่นมีสัญญาณบ่งชี้ถึงการเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อที่ถูกขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์ภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายวาตานาเบะกล่าว ทั้งนี้ การคาดการณ์เงินเฟ้อของนายวาตานาเบะสวนทางกับมุมมองของ BOJ ที่คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นซึ่งปัจจุบันอยู่สูงกว่าเป้าหมายของ BOJ ที่ระดับ 2% นั้น จะชะลอตัวสู่ระดับต่ำกว่า 2% ภายในปีนี้ เรื่องจากแรงผลักดันที่เกิดจากต้นทุนการนำเข้าเริ่มอ่อนแรงลง อย่างไรก็ดี แม้นายวาตานาเบะคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะยังคงเพิ่มขึ้น แต่เขามองว่า BOJ จำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินแบบพิเศษ (Ultra-loose Policy) ต่อไปอีกระยะหนึ่ง เมื่อพิจารณาจากความไม่แน่นอนที่ว่าบริษัทเอกชนจะปรับขึ้นราคาสินค้าต่อไปในปีหน้าหรือไม่ ที่ผ่านมานั้น BOJ ได้พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจและผลักดันเงินเฟ้อให้เคลื่อนไหวที่ระดับเป้าหมาย 2% อย่างยั่งยืน ด้วยการตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และให้คำมั่นว่าจะคงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีเอาไว้ที่ระดับประมาณ 0% ภายใต้นโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทน (YCC) อย่างไรก็ดี ในการประชุมเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว BOJ ได้สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยขยายกรอบอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ […]
อ่านเพิ่มเติม »
'อลิซาเบธ โฮล์มส์' อดีตซีอีโอเธราโนสลวงโลก เริ่มรับโทษจำคุก 11 ปีที่เรือนจำเท็กซัส : อินโฟเควสท์สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เอลิซาเบธ โฮล์มส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทเธราโนส (Theranos) อดีตสตาร์ตอัประดับยูนิคอร์นที่อ้างว่ามีนวัตกรรมการตรวจเลือด ได้เริ่มรับโทษจำคุก 11 ปีในเรือนจำที่มีการรักษาความปลอดภัยขั้นต่ำในเมืองไบรอัน รัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐ โฮล์มส์ถูกตัดสินว่ามีความผิดข้อหาฉ้อโกง 4 กระทงเมื่อปีที่แล้ว และศาลได้ปฏิเสธคำขอประกันตัวในระหว่างการยื่นอุทธรณ์ของโฮล์มส์เมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา โฮล์มส์และนายราเมช “ซันนี” บัลวานี อดีตแฟนหนุ่มหุ้นส่วนธุรกิจของเธอ ถูกศาลสั่งให้จ่ายเงิน 452 ล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อการฉ้อโกง ปัจจุบันนายบัลวานีกำลังรับโทษจำคุก 13 ปีในรัฐแคลิฟอร์เนียจากการมีส่วนพัวพันในคดีฉ้อโกงครั้งนี้ ทั้งคู่หลอกให้บรรดามหาเศรษฐีของโลกเข้ามาลงทุนในเธราโนส ไม่ว่าจะเป็น รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เจ้าพ่อสื่อตะวันตก, เบ็ตซี เดวอส อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐ และครอบครัววอลล์ตัน มหาเศรษฐีเจ้าของห้างวอลล์มาร์ท จนครั้งหนึ่งบริษัทนี้เคยมีมูลค่าสูงถึง 9 พันล้านดอลลาร์ โดยอ้างว่าเธราโนสมีเทคโนโลยีระดับปฏิวัติวงการที่สามารถวินิจฉัยโรคต่าง ๆ เช่น เบาหวาน ได้ด้วยการเก็บตัวอย่างเลือดเพียงไม่กี่หยด อย่างไรก็ดี เทคโนโลยีดังกล่าวไม่สามารถทำได้จริงตามที่อ้าง ส่งผลให้บริษัทเธราโนสล้มลงในปี 2561 ขณะถูกจำคุก โฮล์มส์ อดีตเศรษฐินีพันล้านระดับโลก อาจได้ทำงานร่วมกับนักโทษคนอื่น ๆ โดยได้ค่าจ้างเป็นเงินตั้งแต่ 12 เซนต์ […]
อ่านเพิ่มเติม »
ดัชนี SET ต้นภาคเช้าร่วงกว่า 10 จุด ไร้ปัจจัยใหม่หนุน แรงขายบิ๊กแคปฉุด : อินโฟเควสท์ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าปรับตัวลงกว่า 10 จุดทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคพักตัวเช่นกัน หลังไม่มีปัจจัยใหม่หนุน ประกอบกับมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มน้ำมัน รับปัจจัยราคาน้ำมันตลาดโลกร่วง 4.42% นอกจากนี้ตลาดรอดูผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,523.60 จุด ลดลง 11.21 จุด (-0.73%) นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าวันนี้ปรับตัวลงไปกว่า 10 จุด เป็นไปตามตลาดหุ้นในต่างประเทศที่พักตัวลง และแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมัน จากราคาน้ำมันดิบร่วงลงแรง ราว 4.42% หลุดระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรล เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะผ่านร่างกฎหมายการขยายเพดานหนี้หรือไม่ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 มิ.ย. ขณะที่นักลงทุนยังมีการขายลดความเสี่ยง จาก MSCI Rebalance […]
อ่านเพิ่มเติม »