ขอเป็นกำลังใจรับ วันแรงงาน ปีนี้บริษัทเทคโนโลยีชื่อดังทั่วโลก เลย์ออฟพนักงานมากกว่าปี 65 ทั้งปี เพียง 4 เดือนแรกเท่านั้น สาเหตุหลักมาจากโควิด, สงครามรัสเซีย-ยูเครน, การแข่งขันทางการตลาดที่สูงขึ้นรวมทั้งการพัฒนาของเทคโนโลยีโลก อ่านที่นี่ : ไทยรัฐออนไลน์
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่มีตัวเลขพนักงานโดนปลดสูงเป็นประวัติการณ์ทั่วโลกในปี 2023 นี้ โดยปัจจุบันในวันที่ 28 เมษายน 2023 มีพนักงานโดนปลดไปแล้วประมาณ 184,600 คน จากทั้งหมด 617 บริษัททั่วโลกGoogle ปลดพนักงานไป 12,000 คน คิดเป็น 16% ของพนักงานทั้งหมด จำนวน 75,000 คน โดยประมาณMicrosoft ปลดพนักงานไป 10,000 คน คิดเป็น 5% ของพนักงานทั้งหมด จำนวน 200,000 คน โดยประมาณDell ปลดพนักงานไป 6,650 คน คิดเป็น 5% ของพนักงานทั้งหมด จำนวน 133,000 คน โดยประมาณZoom ปลดพนักงานไป 1,300 คน คิดเป็น 15%...
เมื่อสถานการณ์ได้คลี่คลายลง ผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตกันได้ ทำให้รายได้ในส่วนนี้มีเปอร์เซ็นต์ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ขัดกับข้อเสนอที่ว่าจ้าง ทำให้บางบริษัทที่ไม่ได้มีทุนมากนักจนเกิดการพักงาน และปลดพนักงานในที่สุดจากสถานการณ์ของสงครามนี้ ทำให้สภาวะทางการเงินของแต่ละประเทศได้รับผลกระทบที่ค่อนข้างหนัก ลามไปจนถึงธุรกิจต่างๆ เกิดการชะลอตัว การขยายธุรกิจ หรือเติบโตของธุรกิจนั้นแทบจะเป็นไปได้ยาก เนื่องมาจากสภาวะเงินที่เฟ้อขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายที่มากมายในด้านพลังงานต่างๆ กลับสูงขึ้น...
สภาพการว่าจ้างงานก็คงไม่ต้องพูดถึง เพราะทุกธุรกิจต้องมีการวางแผนรัดเข็มขัด และลดการจ้างงานที่ไม่จำเป็นออก ซึ่งเหตุผลนี้ก็เป็นทางออกที่ควรทำอยู่แล้วของผู้ประกอบการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หนึ่งสิ่งที่มนุษย์อย่างเรากลัวนั้น เริ่มค่อยๆ คืบคลานมาทีละก้าว อย่างปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานเหมือนกับสมองมนุษย์ มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างเต็มระบบ และปัญญาประดิษฐ์บางตัวนั้นสามารถทำงานแทนมนุษย์ได้จริงแล้ว ยกตัวอย่างเช่น ตู้จำหน่ายตั๋ว เครื่องขายน้ำ หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหาร ที่เรามักจะเห็นเจ้าของกิจการต่างๆ...
ขณะเดียวกัน บางบริษัทที่เริ่มปลดพนักงาน และมีแผนที่จะนำปัญญาประดิษฐ์เหล่านี้มาทำงานแทนแล้ว ด้วยการทำงานของปัญญาประดิษฐ์ที่ไม่ต้องมีสวัสดิการใดๆ แถมยังลดต้นทุนได้อีกมากมาย การมีพนักงานประจำก็คงอาจไม่ใช่เรื่องจำเป็นอีกต่อไปเรื่องนี้อาจจะดูไม่ใหม่เท่าไร แต่มีผลกระทบอยู่ไม่น้อย จากบริษัทที่เคยยิ่งใหญ่ ทุนหนาอาจเริ่มมีคู่แข่งทางการตลาดเพิ่ม ทำให้กำไรถดถอยลด ยกตัวอย่างเช่น Meta กับ TikTok, Grab และ Uber, Netflix และ Disney+ ซึ่งพอมีคู่แข่งก็ทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดลดลง เกิดการแข่งขันสูงขึ้น...
นอกจากเหตุการณ์ที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอีกในบริษัทเทคโนโลยีที่มีความผันผวนอยู่เยอะ มีตัวแปรที่หลากหลาย ตามบริบทของบริษัทนั้นๆ ที่ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดในช่วงขาลงของบริษัทเทคโนโลยี ขนาดเจ้าของธุรกิจยังต้องปรับตามกลไกของเศรษฐกิจโลก มนุษย์เงินเดือนแบบเราก็ไม่อาจคาดการณ์ปัญหาการเลย์ออฟนี้ได้ ซึ่งทางเรายังมี
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เผยชีวิต 'แอม' ไซยาไนด์ ในเรือนจำ ปรับตัวดีกว่าที่คิดผอ.ทัณฑสถานหญิงกลาง เผยชีวิต 'แอม' ในเรือนจำ ปรับตัวดี มีความเฟรนด์ลี ส่วน หลังคลอด แม่มีเวลาให้นมลูก แค่ 4 เดือนเท่านั้น แอม แอมไซยาไนด์ ฆาตกรต่อเนื่อง คมชัดลึก
อ่านเพิ่มเติม »
Amazon ไตรมาสล่าสุด AWS และธุรกิจโฆษณา ยังคงเติบโตโดดเด่นAmazon รายงานผลการดำเนินงานของไตรมาสที่ 1 ปี 2023 ยอดขายรวมเพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนเป็น 127,358 ล้านดอลลาร์ และมีกำไรสุทธิ 3,172
อ่านเพิ่มเติม »
Soft Power ขุมทรัพย์ต่อยอดท่องเที่ยวไทยSoft Power กลายเป็นแม่เหล็กของภาคการท่องเที่ยวในปีนี้ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา เช่น Amazing Muay Thai Festival 2023 รวมถึงเทศกาลสงกรานต์ กิจกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นกลยุทธ์ที่เรียกว่า Soft Power : 5F ที่จะผลักดันวงการการท่องเที่ยวไทยก้าวสู่ Thailand F
อ่านเพิ่มเติม »