สธ.เปิดแผนคุมโควิดหลังยุบเลิก'ศบค.' เลิกรายงานตัวเลขตั้งแต่ 1 ต.ค.นี้ คลิกอ่านที่นี่ กระทรวงสาธารณสุข โควิดวันนี้ ศบค แนวหน้าออนไลน์
"อนุทิน"นำทีม สธ.แถลงแผนปฏิบัติการควบคุมป้องกันโควิด-19 หลังยุบ ศบค. และปรับเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง 1 ต.ค.นี้ ใช้กลไก พ.ร.บ.โรคติดต่อบริหารสถานการณ์ บูรณาการทุกฝ่ายได้ปกติ แนะผู้ป่วยปฏิบัติตาม DMHT สวมหน้ากากเมื่อเข้าสถานที่แออัด ตรวจ ATK เมื่อมีอาการ ฉีดวัคซีนตามกำหนดโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง และรับการรักษาฟรีตามสิทธิ หากอาการวิกฤตใช้ UCEP Plus ได้
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุขมี พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 เป็นเครื่องมือหลักในการบริหารสถานการณ์ในระยะถัดไป โดยมีกลไกทั้งระดับชาติ ระดับจังหวัด และระดับพื้นที่ ซึ่งอาจมีการปรับลดระดับความเข้มข้นของมาตรการตามสถานการณ์ เพื่อให้สังคมและเศรษฐกิจประเทศเดินหน้าต่อไปได้ นอกจากนี้ ยังจัดทำแผนปฏิบัติการควบคุมโรคโควิด 19 รองรับการเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง เป็นกรอบการดำเนินงานให้จังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติต่อไป ยืนยันว่า ภายใต้กลไกของ พ.ร.บ.
นพ.สุระ กล่าวว่า สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขมีโรงพยาบาลในสังกัด 900 กว่าแห่ง และโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล อีกกว่า 9,000 แห่ง มีบุคลากรทางการแพทย์กว่า 4 แสนคน จึงมีความพร้อมที่จะการดูแลผู้ป่วยโควิด 19 โดยมีเตียงผู้ป่วย 73,000 เตียง ขณะนี้มีผู้ป่วยโควิดนอนรักษา 4,800 คนคิดเป็น 6% เป็นการครองเตียงระดับ 2.1 และระดับ 1 คือ กลุ่มอาการไม่รุนแรง ประมาณ 90% ส่วนยารักษา ขณะนี้มียาฟาวิพิราเวียร์คงเหลือ 5.6 ล้านเม็ด ใช้เฉลี่ย 5.8 หมื่นเม็ดต่อวัน เพียงพอใช้ 3.1 เดือน ยาโมลนูพิราเวียร์คงเหลือ 20.
"ประชาชนยังสามารถรับบริการฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตามสถานพยาบาลที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.กำหนด เน้นฉีดในกลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปและโรคเรื้อรัง ส่วนการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นปีละ 1-2 ครั้งเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ขณะนี้ยังไม่มีคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกหรือสถาบันที่เชื่อถือได้ ขอให้รอคำแนะนำจากคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค รวมทั้งข้อมูลวัคซีนรุ่นใหม่และระยะเวลาที่ป้องกันโรคได้" นพ.