ศก.ไทยปี 66 เหลือท่องเที่ยวเพียงเครื่องยนต์เดียวขับเคลื่อน krungthaiCOMPASS ธนาคารกรุงไทย เศรษฐกิจไทย อินโฟเควสท์
นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า Krungthai COMPASS ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 66 จะขยายตัวที่ 3.4% สูงกว่าปี 65 ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.2% แต่ก็ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ จากแรงกดดันของเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแรงลง กระทบต่อภาคการส่งออก ซึ่งคาดว่ามูลค่าการส่งออกจะขยายตัวได้เพียง 1.2% เท่านั้น
ทั้งนี้ เศรษฐกิจโลกจะเป็นการเปลี่ยนผ่านจากการฟื้นตัวไปสู่ภาวะชะลอตัว หรือถดถอยแบบไร้ตัวช่วย ทั้งนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง กรณีสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัว แต่อาจไม่เกิดภาวะถดถอย เนื่องจากตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง ในด้านการท่องเที่ยว มีแนวโน้มจะฟื้นตัวได้ดีต่อเนื่อง จากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะเข้ามาถึง 21.4 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 65 สนับสนุนดุลบัญชีเดินสะพัดของให้กลับมาเกินดุล ส่วนค่าเงินบาทยังเผชิญความผันผวน จากการคาดการณ์นโยบายการเงินของสหรัฐฯ โดยประเมินว่าค่าเงินบาทจะอยู่ในช่วง 33.75-36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ
สำหรับปี 66 จะเป็นช่วงเวลาที่ภาคธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง ที่เป็นผลจากการเปลี่ยนผ่านซึ่งครอบคลุมในหลายมิติ นอกจากประเด็นด้านเศรษฐกิจมหภาค ที่มีความผันผวนและไม่แน่นอนสูงแล้ว ยังต้องเตรียมพร้อมปรับตัวให้ทันกระแสโลกที่แปรเปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญกับ 4 เรื่อง ได้แก่
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
TPIPP ออกหุ้นกู้ 6 พันลบ.2 ชุด ดอกเบี้ย 4.15-4.60% ขาย 11-17 ม.ค.66 : อินโฟเควสท์บมจ. ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) เสนอขายหุ้นกู้บริษัท ครั้งที่ 1/2566 จำนวน 2 ชุด รวมมูลค่าที่เสนอขายทั้งสิ้นไม่เกิน 6,000 ล้านบาท ได้แก่ หุ้นกู้ชุดที่ 1 จำนวนเสนอขายไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 มีอายุ 3 ปี 6 เดือน และมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.15 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ หุ้นกู้ชุดที่ 2 จำนวนเสนอขายไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2571 มีอายุ 5 ปี และมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.60 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ และชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายในวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ โดยเสนอขายในกรณีทั่วไปต่อผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน ระหว่างวันที่ …
อ่านเพิ่มเติม »
BWG ออกหุ้นกู้อายุ 2 ปี 9 เดือน ดอกเบี้ย 5.80% ขายสถาบัน-รายใหญ่ 20-24 ม.ค.66 : อินโฟเควสท์บมจ.เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน (BWG) เสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท ครั้งที่ 1/2566 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกาหนดไถ่ถอน อายุ 2 ปี 9 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 5.80 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ มูลค่าไม่เกิน 500 ล้านบาท และมีหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติมจำนวนไม่เกิน 300 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 800 ล้านบาท โดยเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ วันที่ 20 และ 23-24 มกราคม พ.ศ. 2566 อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ “BBB-” แนวโน้ม “Stable” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2565 ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ บล.ดาโอ …
อ่านเพิ่มเติม »
SAWAD ออกหุ้นกู้ 3 ชุดดอกเบี้ย 3.30%-4.50% คาดเปิดขาย 13-17 ม.ค.66 : อินโฟเควสท์บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น (SAWAD) เสนอขายหุ้นกู้มีประกันของบริษัท ครั้งที่ 1/2566 จำนวน 3 ชุด โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2567 หุ้นกู้มีอายุ 1 ปี 6 เดือน 21 วัน และมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.30-3.50 ต่อปี โดยชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ หุ้นกู้ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 หุ้นกู้มีอายุ 3 ปี และมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.00-4.25 ต่อปี โดยชำระดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ และชุดที่ 3 ครบกาหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570 หุ้นกู้มีอายุ 4 ปี และมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ …
อ่านเพิ่มเติม »
แมกโนเลียฯ ออกหุ้นกู้ 2 ชุดดอกเบี้ย 6.75%-7.10% ขายสถาบัน-รายใหญ่ 20-24 ม.ค.66 : อินโฟเควสท์บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เสนอขายหุ้นกู้มีประกันของบริษัท ครั้งที่ 1/2566 จำนวน 2 ชุด มูลค่ารวมไม่เกิน 7,000 ล้านบาท และหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติมอีก 1,000 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้นไม่เกิน 8,000 ล้านบาท หุ้นกู้ชุดที่ 1 ครบกาหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 มีอายุ 1 ปี 11 เดือน 30 วัน อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 6.75 ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ จำนวนเสนอขายไม่เกิน 7,000 ล้านบาท หุ้นกู้ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 มีอายุ 2 ปี 11 เดือน 29 วัน …
อ่านเพิ่มเติม »
ส่องเศรษฐกิจไทยปี 66 ยังฟื้นไม่ทั่วถึง หลายปัจจัยเสี่ยงส่อลากยาว : อินโฟเควสท์นางสาวณัฐพร ตรีรัตน์ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยในปี 66 ไว้ที่ 3.2% เนื่องจากแนวโน้มที่เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญในปี 66 จะกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยูโรโซนมีแนวโน้มที่จะไม่เติบโต เป็นผลจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ยังมีผลกระทบจากวิกฤตพลังงานในยุโรปด้วย ขณะที่แนวโน้มที่จีนจะเปิดประเทศในช่วงไตรมาส 2/66 มีมากขึ้น แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ในจีนหลังจากนี้ ทั้งจำนวนผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต และความเพียงพอของระบบสาธารณสุข เนื่องจากยังมีความเป็นไปได้ที่จีนจะเผชิญการแพร่ระบาดระลอกใหม่ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อเนื่องมายังกิจกรรมทางเศรษฐกิจจีน ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อสถานการณ์การเปิดประเทศของจีนดังกล่าว โดยยังคงจำนวนนักท่องเที่ยวที่ 22 ล้านคน ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยมองว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) คงจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 1/66 ไปแตะระดับ 5% หรืออาจสูงกว่านั้น ก่อนที่จะมีโอกาสคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงตลอดทั้งปี 66 ขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องในการประชุมอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ซึ่งย้ำว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศยังอยู่ในจังหวะขาขึ้นเช่นเดียวกัน ด้านแนวโน้มเงินบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี มีโอกาสแข็งค่าขึ้น หากเฟดเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากตลาดรับรู้ความเป็นไปได้ดังกล่าวแล้ว สำหรับภาคการเงิน ภาพแนวโน้มสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในไทยปี 66 …
อ่านเพิ่มเติม »
โซลาร์รูฟทางออกยุคค่าไฟแพง CHOW วางเป้าปี 66 ดันยอดพุ่งเป็น 150 MW : อินโฟเควสท์นายปรมัตถ์ จุฬวนิช ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน (CFO) บมจ.เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ (CHOW) กล่าวว่า ธุรกิจพลังงานในปี 66 มีทิศทางเติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่องจากปี 65 จากปัจจัยสนับสนุนหลายประการ โดยเฉพาะต้นทุนด้านพลังงานไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ภาคเอกชนรายใหญ่ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม และให้ความร่วมมือแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาวะอากาศ โดยตั้งเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (net zero) โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการส่งออก และภาครัฐให้การสนับสนุนทั้งมาตรการด้านภาษีในกลุ่มภาคธุรกิจ และโครงการการรับซื้อไฟฟ้าตามมาตรการส่งเสริมการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Feed-in Tariff: FiT) อัตรารับซื้ออยู่ที่ 2.20 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 10 ปี ในภาคประชาชน ที่นอกจากจะช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าแล้ว ยังเป็นแหล่งรายได้ทางเลือกของครัวเรือนอีกทางหนึ่ง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะเป็นตัวเร่งให้ Solar Rooftop เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญในปี 66 โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายจะมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาเพิ่มเป็น 150 เมกะวัตต์ จาก 80 เมกะวัตต์ในปี 65 “CHOW มุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการต่อยอดธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย ทั้งการลงทุนในรูปแบบ Private PPAและการให้บริการติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์(EPC)ให้แก่ลูกค้ารายใหญ่และกลุ่มลูกค้า SME ที่ดำเนินธุรกิจในหลากหลายประเภทอุตสาหกรรม …
อ่านเพิ่มเติม »