คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ /ดร.
แทบไม่น่าเชื่อว่าระบบการเมืองของสหรัฐอเมริกามักจะมีนักการเมืองในทุกๆระดับต่างออกมาแสดงละครการเมืองไม่เว้นแม้กระทั่ง “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน”และ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”
ดังนั้นวิธีการหาเสียงของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ก็อาจจะนำทักษะในการเยาะเย้ยถากถางที่เขาเคยชินจากรายการดังกล่าวมาใช้กับคู่ต่อสู้ทางการเมืองก็เป็นไปได้ โดยจะต้องมีการซักถามและถ่ายทอดสดผ่านโทรทัศน์เป็นเวลาสี่วันเต็มๆ และสืบเนื่องมาจากผู้พิพากษาแคลแรน โธมัส ถูกกล่าวหาว่าคุกคามทางเพศต่อทนายความสาวชื่อ “อนิตา ฮิลล์” ขณะที่ทั้งสองคนทำงานร่วมกัน จึงมีการซักฟอกและเป็นข่าวครึกโครมเกรียวกราว
โดยเมื่อครั้งที่เขายังดำรงอยู่ในตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น จะเห็นได้ว่า เมื่อใดก็ตามที่รัฐมนตรีคนใดก็ตามไม่ยอมทำตามที่เขาต้องการ เขาจะสั่งปลดออกอย่างทันที แถมยังออกมากล่าวประณามเย้ยหยันแถมท้ายอีกด้วย ทั้งๆที่ผู้นั้นเคยก้มหน้าก้มตารับใช้เขาอย่างจงรักภักดีก็ตาม และดูเหมือนว่าการใช้วิธีโฆษณาชวนเชื่อของประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวโจมตีและใส่ไฟให้ร้ายต่อคู่ต่อสู้ทางการเมืองได้ผลดีเกินคาด เพราะที่ผ่านมา บรรดาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมักจะยอมแพ้ปิดปากเงียบ แถมบางรายยังยอมแพ้แบบหมอบราบคาบแก้วหันกลับไปเป็นพันธมิตรสวามิภักดีต่อเขาอีกต่างหาก!!!
และถึงแม้ว่าที่ผ่านๆมาผู้บริโภคจะขาดความมั่นใจจนมีผลทำให้คะแนนนิยมตกต่ำติดต่อกันมาตลอดหลายๆเดือนก็ตาม แต่ขณะนี้ชาวอเมริกันมีความรู้สึกมั่นใจต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน มากขึ้นตามลำดับ แถมอัตราเงินเฟ้อยังคงลดลงเรื่อยๆ และอัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับปานกลาง อีกทั้งอัตราของคนว่างงานก็อยู่ในระดับต่ำเช่นกัน นั่นก็คืออยู่ที่ 3.7% จากที่เคยมีที่ 3.75% เมื่อปีกลาย