ลอนจีเผยโฉมโมดูลใหม่ 'Hi-MO 7' ตอบรับความต้องการอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ HPDC LONGi พลังงานแสงอาทิตย์ ลอนจี อินโฟเควสท์
ลอนจี ในฐานะ “เจ้าของสถิติ”องค์กรที่มีศักยภาพสูงสุดในอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ Hi-MO7 ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้พัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี HPDCและยังคงรักษาขนาดโมดูลตามมาตรฐาน M10 พร้อมด้วยกำลังการผลิตไฟที่สูงถึง 580 วัตต์ และประสิทธิภาพการแปลงพลังงานที่ 22.5%
การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ครั้งนี้ คุณหลี่ เช่าถัง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์ของลอนจี ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับข้อดีหลัก ๆ ของโมดูล Hi-MO 7 ที่พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยี HPDC โดยเน้นย้ำว่า โมดูลลอนจี Hi-MO 7 ได้รับการประเมิน พัฒนา และทดสอบมาอย่างยาวนาน ซึ่งนอกจากจะเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงแล้ว คุณภาพของผลิตภัณฑ์ยังคงรักษามาตรฐานชั้นนำระดับโลกได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังมีความน่าเชื่อถือในระยะยาว ในการช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยปรับเฉลี่ย ของโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดเมกะโปรเจค เช่น...
โมดูล Hi-MO 7 ที่เปิดตัวขึ้นในครั้งนี้ เป็นผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ลอนจีพัฒนาขึ้นโดยอาศัยเทคโนโลยีเซลล์ HPDC ประสิทธิภาพสูง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญที่เรียกว่าเดนนิส เชอ รองประธานของลอนจี กล่าวว่า นวัตกรรมที่ต่อเนื่องและมั่นคงเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างมูลค่าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องของลอนจีในตลาด ตั้งแต่การส่งเสริมการปฏิวัติเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมโมโนคริสตัลไลน์ไปจนถึงการเป็นผู้นำตลาดขนาดใหญ่ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเซลล์ PERC และเทคโนโลยีโมดูลกระจกสองหน้าแบบสองหน้า...
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เสี่ยปู่ สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุลเก็บหุ้น PLUS อีก 0.023% รวมถือ 8.4220% : อินโฟเควสท์บมจ.โรแยล พลัส (PLUS) เปิดเผยว่า ตามแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ประจำวันที่ 8 มิถุนายน 2566 โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ได้รับรายงานการได้มาหรือจำหน่ายไป ของหลักทรัพย์ PLUS เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2566 โดย นาย สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล ได้มาหลักทรัพย์จำนวน 150,000 หุ้น คิดเป็น 0.0223% ของสิทธอิอกเสียงทั้งหมดของกิจการ ทำให้มีสัดส่วนการถือหลักทรัพยภายหลังการได้มาคิดเป็น 8.4220% ของสิทธอิอกเสียงทั้งหมดของกิจการ และทำใหสัดส่วนการถือหลักทรัพย์ของบุคคลในกลุ่มของนาย สมพงษ์ ชลคดีดำรงกุล เมื่อรวมจำนวนหลักทรัพยดังกล่าวภายหลังการได้มา มีสัดส่วนคิดเป็น 10.0165% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทข้างต้น ไม่มีผลกระทบต่อการบริหารงาน และโครงสร้างการจัดการของบริษัทแต่อย่างใด เมื่อวันศุกร์ที่ 9 มิ.ย. ราคาหุ้น PLUS ปิดที่ 7.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท (+3.47%) โดยราคาขึ้นไปสูงสุด […]
อ่านเพิ่มเติม »
นักวิชาการเตือนวิกฤตการเมืองไม่รับผลเลือกตั้งจนเกิดนิติสงครามทำไทยสูญเสียโอกาสทางศก.-หนี้สาธารณะพุ่ง : อินโฟเควสท์นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการวิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง กล่าวว่านิติสงครามก่อภาระทางการคลัง สร้างต้นทุนให้กับประชาชนทำให้สมาชิกในสังคมไทยแทนที่จะใช้ทรัพยากรต่างๆและเวลาไปสรรค์สร้างสิ่งที่เป็นก้าวหน้าและประโยชน์ร่วมกันของสังคม แต่กลับต้องนำทรัพยากรและเวลามาใช้แก้ปัญหานิติสงครามที่เครือข่ายปรปักษ์ประชาธิปไตยก่อขึ้นเพียงหวังจะสกัดกั้นการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากเสียงข้างมากของประชาชน นิติสงครามได้ก่อให้เกิดความยุ่งยากเดือดร้อนต่อคนจำนวนมากก่อให้เกิดต้นทุนทางการคลังที่ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆต่อสังคม เป็นการสูญเปล่า ทำให้กลไกของระบบราชการและองค์กรอิสระต้องสูญเสียงบประมาณมาจัดการเรื่องที่ไม่เป็นสาระต่อผลประโยชน์สาธารณะจำนวนมาก กรอบวงเงินงบประมาณ ปี 2567 ซึ่งกำหนดวงเงินไว้ที่ 3.35 ล้านล้านบาท ต้องกู้เงินมาชดเชยการขาดดุลงบประมาณด้วยการก่อหนี้สาธารณะอีก 5.93 แสนล้านบาท หากไม่ก่อนิติสงครามจนกระทั่งเกิดภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมือง เงินกู้ที่นำมาชดเชยการขาดดุลนี้สามารถนำไปใช้จ่ายเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพิ่มงบสวัสดิการให้ประชาชน เพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ให้เพียงพอเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติการไหลออกจากระบบราชการ รวมทั้งแก้ปัญหาวิกฤติสิ่งแวดล้อมทรุดโทรมอย่างหนักในขณะนี้ นิติสงครามเพิ่มรายจ่ายในการบริหารจัดการภาครัฐเพิ่มขึ้นโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ การใช้นิติสงครามประสานเข้ากับการตัดสินชี้ถูกผิดโดยองค์กรภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเป็น กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ปปช ที่ไม่เป็นอิสระและไม่เป็นกลาง ทำให้การเลือกตั้งและเสียงประชาชนไม่มีความหมายใดๆ องค์กรภายใต้รัฐธรรมนูญจากการแต่งตั้งโดยคณะ คสช มีอำนาจเหนือประชาชน การปิดกั้นไม่ให้การทวงคืนประชาธิปไตยอย่างสันติผ่านผลการเลือกตั้ง จะนำมาสู่วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่ทำลายเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มความเสี่ยงวิกฤติหนี้สาธารณะจากระดับสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีที่สูงอยู่แล้วที่ระดับ 61.3% หากปล่อยให้เกิดวิกฤตการณ์ทางการเมืองจากการไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งและก่อให้เกิดนิติสงคราม คาดว่า หนี้สาธารณะต่อจีดีพีอาจพุ่งทะลุเพดานใหม่ 70% ในอนาคตอันใกล้ นำไปสู่ปัญหาวิกฤติฐานะทางการคลังได้ หากการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองภายใต้หลักการปร
อ่านเพิ่มเติม »
'สุทิน'เชื่อ'พิธา'ไม่จนมุม หลังกกต.ตั้งเรื่องไต่สวนเอาผิดม.151 : อินโฟเควสท์นายสุทิน คลังแสง ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับพรรคก้าวไกลที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งเรื่องไต่สวนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายรัฐมนตรี เป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งตามมาตรา 151 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการเตะตัดขาการตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้นว่า แล้วแต่ใครจะมอง แต่ส่วนตัวคิดว่าการจะได้ซึ่งนายกฯนั้น ทุกคนอยากได้นายกฯที่ไม่มีข้อตำหนิ จึงต้องมีการตรวจสอบให้ถึงที่สุด การคัดกรองคงทำกันเต็มที่เพื่อให้ได้นายกฯที่ไม่มีข้อกังขา ก็ต้องไปดูที่ข้อเท้จจริงข้อกฎหมาย ถ้าไม่มีความผิดไม่มีประเด็นแล้วไปกล่าวหา ก็มองได้ว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือเตะตัดขา แต่ถ้าหากมีประเด็นฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ควรพิสูจน์ให้ได้ข้อยุติ ตนยังมองในแง่บวก แต่ถึงอย่างไรตนก็จะติดตามถึงตอนจบว่าเป็นอย่างไร ถึงจะชี้ได้ว่าเป็นเจตนาที่บริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ ล่าวว่า ทั้งนี้ นายสุทินกล่าวว่า ไม่ห่วงนายพิธา จากการไต่สวนเรื่องดังกล่าว แม้ดูข้อกล่าวหาจะหนักหน่วง แต่คิดว่ามีข้อต่อสู่ที่สามารถชี้แจงได้ ซึ่งสุดท้ายก็อยู่ที่องค์กรที่จะชี้จะชี้ออกมาอย่างไร เชื่อว่าทั้งนายพิธา และพรรคก้าวไกลยังไม่จนมุม ส่วนกรณี นายอานนท์ นำภา นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ระบุวันโหวตเลือกนายกฯ จะมีประชาชนออกมาให้กำลังใจ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯพรรคก้าวไกลจำนวนมาก ห่วงจะมีความวุ่นวายหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า คิดว่าการไปให้กำลังใจ เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน มีกฎหมายระเบียบเกี่ยวข้องอยู่ ถ้าไปตามกฎหมายไม่น่าจะมีอะไร เชื่อว่าทุกฝ่าย ประสงค์ให้การเลือกตั้งทำให้ประเทศเดินต่อไปได้ ไม่ใช่เลือกตั้งแล้วประเทศหยุดชะงัก ถ้าทุกคนตระหนักตรงนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง […]
อ่านเพิ่มเติม »
อุตุฯออกประกาศเตือนฝนตกหนักถึงหนักมาก คลื่นสูง 2-3 เมตรเรือเล็กงดออกจากฝั่ง : อินโฟเควสท์กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง คลื่นลมแรงและฝนตกหนักถึงหนักมาก ฉบับที่ 24 (184/2566) (มีผลกระทบถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2566) ว่าร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ และประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากในภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งจนถึงวันที่ 11 มิ.ย. 66 โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มิ.ย. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
ตลาดจับตาประชุม 3 ธนาคารกลางใหญ่สัปดาห์นี้ หาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางดอกเบี้ย : อินโฟเควสท์นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะมีการดำเนินนโยบายที่แตกต่างกัน ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เฟดมีกำหนดจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 13-14 มิ.ย.นี้ ขณะที่นักลงทุนให้น้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาด ซึ่งบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐเริ่มคลายความร้อนแรง และจะเป็นปัจจัยชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 72.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. และให้น้ำหนักเพียง 27.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 28,000 ราย สู่ระดับ 261,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 235,000 ราย นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ค.ในวันที่ 13 มิ.ย. ก่อนที่เฟดจะแถลงมติการประชุมในวันพุธที่ที่ 14 มิ.ย.ตามเวลาสหรัฐ […]
อ่านเพิ่มเติม »
บิตคอยน์ร่วงเกือบ 1% เช้านี้ กังวลข่าวก.ล.ต.สหรัฐฟ้องไบแนนซ์-คอยน์เบส : อินโฟเควสท์ราคาบิตคอยน์ร่วงลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา และดิ่งลงต่อเนื่องในวันนี้ โดยล่าสุด ณ เวลา 08.20 น.ตามเวลาไทย ราคาบิตคอยน์ร่วงลง 239 ดอลลาร์ หรือ -0.95% แตะที่ระดับ 25,897 ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ยื่นฟ้องดำเนินคดีทางกฎหมายกับบริษัทไบแนนซ์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งนี้ SEC ยื่นฟ้องดำเนินคดีบริษัทไบแนนซ์ และนายจ้าว ฉางเผิง ผู้ก่อตั้งไบแนนซ์ ในข้อหาละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์ โดย SEC พบว่า ไบแนนซ์ไม่ได้ดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อสกัดกั้นลูกค้าชาวสหรัฐในการเข้าใช้แพลตฟอร์ม และดำเนินการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียน ในคำร้องของ SEC ที่ยื่นต่อศาลในกรุงวอชิงตันดีซียังระบุว่า บริษัทไบแนนซ์และนายจ้าวได้เข้าควบคุมสินทรัพย์ของลูกค้าอย่างลับ ๆ ด้วยการผสมปนเปสินทรัพย์เหล่านี้และทำการโยกเงินของลูกค้า พร้อมระบุว่า ไบแนนซ์ได้สร้างบริษัทในสหรัฐขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการทำให้เกิดความซับซ้อน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงกฎหมายหลักทรัพย์ของรัฐบาลกลางสหรัฐ นอกจากนี้ SEC ได้ยื่นฟ้องบริษัทคอยน์เบส ต่อศาลในกรุงนิวยอร์ก ในข้อหาดำเนินธุรกิจโบรกเกอร์และแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาต และเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งให้คอยน์เบสยุติการให้บริการดังกล่าวเป็นการถาวร คำฟ้องของ SEC ระบุว่า ธุรกิจโบรกเกอร์, แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล และโครงการ staking […]
อ่านเพิ่มเติม »