รัฐบาลเดินหน้าแผนจัดการ ขยะพลาสติก ระยะ 2 (ปี 66-70) สอดคล้องศก.BCG อินโฟเควสท์
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามการดำเนินการจัดการขยะพลาสติก ซึ่งเป็นหนึ่งใน 12 เรื่องสำคัญภายใต้นโยบายหลักของรัฐบาล บริหารจัดการ “ขยะพลาสติก” ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ และการรักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความคืบหน้าการดำเนินงานของ Roadmap การจัดการขยะพลาสติก ซึ่งได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อใช้เป็นแผนขับเคลื่อนการดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การลดและเลิกใช้พลาสติกเป้าหมาย ด้วยการใช้วัสดุทดแทนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างการดำเนินงาน เช่น การงดให้ถุงพลาสติกหูหิ้ว “Everyday Say No To Plastic Bags” มาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ การกำหนดมาตรการกำกับการนำเข้าเศษพลาสติก...
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ ยังได้ทบทวนและปรับมาตรการการนำเข้าพลาสติกให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อส่งเสริมการใช้เศษพลาสติกภายในประเทศ และสอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยระบบโมเดลเศรษฐกิจ BCG ซึ่งจะมีการเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
“รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญในด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินนโยบายบริหารจัดการขยะพลาสติก เพื่อความสมดุลในการพัฒนาอย่างยั่งยืน และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน”ทั้งนี้ การดำเนินของรัฐบาลเพื่อยกระดับการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการรักษาสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับนโยบายการขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยระบบโมเดลเศรษฐกิจ BCG นำเศษพลาสติกภายในประเทศกลับมาใช้ประโยชน์มากที่สุด ยกระดับคุณภาพเศษพลาสติกในประเทศ...
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ธ.กรุงเทพ เผยไตรมาส 1 ปี 66 กำไรพุ่ง 10,129 ล้านบาท อานิสงส์ดอกเบี้ยขาขึ้นธนาคารกรุงเทพ ผลผลงานไตรมาส 1 ปี 66 ทำกำไรสุทธิ จำนวน 10,129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42.3% จากรายได้ดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น พร้อมตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิต ไว้ที่ 8,474 ล้านบาท
อ่านเพิ่มเติม »
'ตู้ยา' ใกล้บ้านอัตโนมัติ 24 ชั่วโมง ธุรกิจใหม่รับเทรนด์สุขภาพJSP x MEDIS เปิดตัว ตู้จำหน่ายยาอัตโนมัติเมดิส ตู้ยาใกล้บ้านตลอด 24 ชม. ตอบรับเทรนด์การใส่ใจสุขภาพ ปี 66 นำร่องเปิดตัวกรุงเทพและปริมณฑล ตั้งเป้า 5 ปี เข้าถึง 7 หมื่นหมู่บ้านทั่วไทย อ่านต่อ: กรุงเทพธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: 'เศรษฐา' ย้ำพรรคไฟเขียวไม่จับมือ พปชร.-รทสช. : อินโฟเควสท์นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีได้ประกาศไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นั้น เป็นความตั้งใจของพรรคที่ตั้งใจจะเดินหน้าตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเพื่อให้แลนด์สไลด์ โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีก็เห็นด้วย เราคงต่างคนต่างเดินไป และผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนก็ไม่มีใครท้วงติงอะไร การที่ตนได้ประกาศไปเช่นนั้นเพราะมีสื่อสอบถามกันมาโดยตลอด ไม่ได้ย้อนแย้งหรือช้าเกินไป ตนบอกว่าจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียวมาโดยตลอด เมื่อมีการจัดตั้งแล้วเราก็จะไปร่วมกับพรรคที่มีจุดยืนเดียวกัน ณ วันนี้เราเผยแพร่นโยบายให้ประชาชนทราบโดยเต็มที่ เพื่อเป็นรัฐบาลพรรคเดียว และเป็นความตั้งใจที่จะพูดความจริงว่าความตั้งใจของเราคืออะไร และพี่น้องประชาชนเป็นคนตัดสิน เราแข่งกันที่นโยบาย เราแข่งกันที่ล้มล้างความยากจน ความเสมอภาคของพี่น้องประชาชน ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ระบุว่า หาก พท.ไม่จับมือกับ พปชร.ก็ไม่เป็นไรนั้น เป็นจุดยืนและนโยบายของท่าน เราสู้กันที่นโยบาย และสู้กันว่าใครจะล้มล้างความยากจนของประชาชนได้ดีกว่ากัน สำหรับการลงหาเสียงในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ที่เป็นฐานเสียงของพรรคพลังประชารัฐนั้น เพราะเป็นรัฐบาลมี 4 ปีแล้ว ทำไมประชาชนยังเดือดร้อนอยู่ ตนคิดว่าประชาชนมีความต้องการที่ชัดเจนจากการได้พบปะมา เมื่อไม่มีความสุขก็ถึงเวลาที่เข้าคูหาและกาพรรคที่ไม่ใช่เป็นพรรครัฐบาล และตนก็หวังว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไปขออนุญาตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: ภท.ปัดจับขั้วก่อนเลือกตั้ง-ไม่เอานายกฯคนนอก : อินโฟเควสท์นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า พรรคยังไม่มีการพิจารณาเรื่องจัดตั้งรัฐบาลจนกว่าจะทราบผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เพื่อไม่ให้เกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึง ขณะนี้ยังไม่ได้ติดต่อทาบทามใคร และไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคการเมืองใด จึงยังไม่มีการพูดถึงการจับขั้วกับพรรคการเมืองใดๆ หลังการเลือกตั้งทั้งสิ้น ฉะนั้นความคิดเห็นต่างๆ ที่บอกว่ามีขั้วการเมือง สิ่งเหล่านี้ยังไม่เกิดขึ้น วันนี้พรรคโฟกัสเรื่องการเลือกตั้ง เพื่อทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและสนับสนุนพรรคให้ทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร เรามุ่งเน้นให้ผู้สมัครทุกคนได้รับความเชื่อมั่นไว้วางใจให้เข้ามาเป็นผู้แทนของประชาชน โดยเฉพาะช่วง 3 สัปดาห์สุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง เมื่อทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการหรือมีแนวโน้มที่ดี พรรคภูมิใจไทยจะสนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเป็นอันดับ 1 ให้จัดตั้งรัฐบาลก่อน หากประสบปัญหาอุปสรรคจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ พรรคภูมิใจไทยจึงจะคิดเรื่องความร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่นๆ ตามลำดับ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ “ผมขอยืนยันจุดยืนตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต้องถูกเสนอชื่อโดยพรรคการเมือง เราถือว่าเป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย หากประชาชนลงคะแนนให้พรรคนั้นในส่วนบัญชีรายชื่อก็ถือว่าเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตย เป็นไปตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ แต่ถ้านายกฯมาจากเส้นทางอื่น เช่น รัฐธรรมนูญมาตรา 272 เสนอชื่อนายกฯ ที่ไม่อยู่ในแคนดิเดตพรรคการเมือง หรือไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เราจะไม่สนับสนุน เพราะพรรคเคารพการตัดสินใจของประชาชน ดังนั้นนายกฯที่พรรคจะสนับสนุนต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคการเมือง เราไม่เอาคนนอกมาเป็นนายกฯแน่นอน” นายอนุทิน กล่าว นอกจากนี้พรรคภูมิใจไทยไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมืองที่เริ่มมีกระแสลักษณะนี้ เพราะจะทำให้เกิดความวุ่นวาย ทำลายบรรยากาศการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีความหมายกับประเทศ ฉะนั้นต้องเป็นไปด้วยความยุติธรรมไม่มีตัวช่วยให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบ ขอให้ประชาชนมั่นใจและออกมาใช้สิทธิให้เต็มที่ ประชาชนต้องเป็นผู้ตัดสินใจ ไม่ใช่กลุ่มไหนมาตัดสินใจแทนประชาชน การยึดอำนาจไม่ใช่การแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: 7 ข้อห้ามเกี่ยวกับบัตรเลือกตั้ง : อินโฟเควสท์ก่อนไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค. นี้ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แนะนำข้อควรรู้เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้ง เนื่องจากเมื่อไปใช้สิทธิเลือกตั้ง มีข้อห้ามหลายประการที่ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย มีโทษทั้งจำและปรับ โดยมีข้อห้าม ดังนี้ 1. ห้ามใช้บัตรอื่น ที่ไม่ใช่บัตรเลือกตั้งที่ได้รับจากเจ้าพนักงาน มีโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี 2. ห้ามนำบัตรเลือกตั้งใส่ในหีบบัตรเลือกตั้ง โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือกระทำการใดให้มีบัตรเลือกตั้งเพิ่มจากความจริง มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี 3. ห้ามนำบัตรเลือกตั้งออกจากหน่วยเลือกตั้ง 4. ห้ามทำเครื่องหมายอื่น หรือสัญลักษณ์ในบัตรเลือกตั้ง มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-5 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี 5. ห้ามถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว […]
อ่านเพิ่มเติม »