น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ซึ่งประกอบด้วย 10 จังหวัด คือ ตาก มุกดาหาร ตราด สระแก้ว สงขลา หนองคายนราธิวาส เชียงราย นครพนม และกาญจนบุรี ซึ่งการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว เพื่อใช้ภูมิประเทศที่มีประเทศเพื่อนบ้านรายล้อมรอบทิศเป็นจุดแข็งในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้มั่นคงและยั่งยืนโดยมีแนวทางการพัฒนา เช่น การกำหนดเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุน การต่อยอดการพัฒนาพื้นที่จากทรัพยากรที่มีอยู่เดิม การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษชายแดน การยกระดับการจัดการแรงงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการส่งเสริมการสร้างงาน ผลการดำเนินงานการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนอาทิ 1.การลงทุนของภาคเอกชนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนตั้งแต่ปี 2558 มีมูลค่าการลงทุนรวม 3.7 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยการส่งเสริมการลงทุนโครงการลงทุนของภาคเอกชนในพื้นที่พัฒนาที่ราชพัสดุเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด กาญจนบุรี และนครพนม การลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสระแก้วและสงขลา การจัดตั้งธุรกิจใหม่และการจัดตั้งเขตปลอดอากรและคลังสินค้าทัณฑ์บนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตาก มุกดาหาร หนองคาย เชียงรายและสงขลา 2.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีความก้าวหน้า 89% โดยโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปี 2564 – 2565 เช่น ทางหลวงหมายเลข 3 ตราด-หาดเล็ก (เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษตราด) …
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.
3.การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน มีศูนย์บริการเบ็ดเสร็จด้านแรงงานในทุกจังหวัด เพื่อสนับสนุนการใช้แรงงานต่างด้าวอย่างถูกต้อง สอดคล้องกับความต้องการของสถานประกอบการในพื้นที่ และอำนวยความสะดวกในการพิจารณาออกใบอนุญาตการทำงานแก่แรงงานต่างด้าวในกลุ่มช่างฝีมือหรือผู้ชำนาญการ และกลุ่มซึ่งมิใช่ช่างฝีมือหรือผู้ชำนาญการ โดยตั้งแต่ ต.ค.60 – มิ.ย.65 ได้อนุญาตให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนทุกสัญชาติ จำนวน 5.
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ปากีสถานเจอปัญหาขาดแคลนดอลลาร์สหรัฐ ดันราคาในตลาดมืดพุ่ง 10% : อินโฟเควสท์ปากีสถานประสบภาวะขาดแคลนเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ประชาชนพยายามที่จะหาซื้อ แต่ผู้ประกอบการด้านอัตราแลกเปลี่ยนระบุว่า พวกเขาไม่เหลือเงินดอลลาร์ที่จะขาย อย่างไรก็ตาม นักค้าเงินหลายรายระบุว่า ยังคงมีทางที่หาซื้อดอลลาร์ได้ แต่จะต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 10% จากอัตราแลกเปลี่ยนที่มีการเสนอขายทั่วไปในตลาด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ตลาดมืดสำหรับการซื้อขายดอลลาร์สหรัฐเกิดขึ้นอย่างมากในปากีสถาน หลังจากธนาคารกลางจำกัดการเข้าถึงสกุลเงินต่างประเทศเพื่อรักษาทุนสำรองที่ลดน้อยลง ทั้งนี้ การขาดแคลนอัตราแลกเปลี่ยน และการเกิดขึ้นของตลาดมืดได้เพิ่มปัญหาให้กับปากีสถาน ซึ่งเพิ่งได้รับความเสียหายจากภาวะน้ำท่วม, วิกฤตเศรษฐกิจ และความปั่นป่วนทางการเมืองที่บางครั้งได้กลายเป็นความรุนแรง ปีนี้นับเป็นปีที่ยากลำบากสำหรับปากีสถานซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่อันดับขยะ ขณะที่ภาวะอุทกภัยได้คร่าชีวิตผู้คนไปมากกว่า 1,700 รายและสร้างความเสียหายเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ รัฐบาลได้เผชิญกับการประท้วงครั้งใหญ่ที่นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรีอิมราน ข่าน และกำลังประสบปัญหาในการชำระหนี้ด้วยสกุลเงินรูปีปากีสถานซึ่งนับเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่อ่อนค่าลงมากที่สุดในโลกในปีนี้ “ตลาดแห่งที่สามได้เกิดขึ้นแล้วในขณะนี้ และมีขนาดที่ใหญ่มาก” แอสแมต อุลลาห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทราวี เอ็กซ์เชนจ์ ซึ่งเป็นธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราในเมืองลาฮอร์กล่าว ขณะที่ตลาดสองแห่งแรกคือตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศระหว่างธนาคาร และบริษัทแลกเปลี่ยนเงินตรา ด้านธนาคารกลางปากีสถานยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวนี้ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยครบ 10 ล้านคนตามเป้าหลังโควิด-19 คลี่คลาย : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ไปเป็นประธานในพิธีต้อนรับนักท่องเที่ยวครบ 10 ล้านคน “Amazing Thailand 10 Million Celebrations” ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยมี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา, นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และ นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ร่วมรอต้อนรับ เพื่อขอบคุณนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางในการเดินทางท่องเที่ยวจนทำให้ภาคการท่องเที่ยวบรรลุเป้าหมายนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคนในปี 2565 รวมทั้งเป็นการขอบคุณความร่วมมือและความทุ่มเทของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ร่วมแรงร่วมใจกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน ท้องถิ่น และคนไทยทุกคนที่ร่วมกันเป็นเจ้าบ้านที่ดี จนสามารถพลิกฟื้นและฟื้นฟูการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้กลับมาเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมในใจนักท่องเที่ยวอีกครั้ง โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมแสดงความยินดีในโอกาสร่วมเฉลิมฉลองการต้อนรับนักท่องเที่ยวครบ 10 ล้านคน ว่า ในช่วงที่ผ่านมาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การเดินทางของคนทั่วโลกต้องสะดุดลง …
อ่านเพิ่มเติม »
'รัฐบาล'ขับเคลื่อนเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน 10 จังหวัด ใช้ภูมิศาสตร์บวกอาเซียนบูม ศก.ท้องถิ่นเมื่อวันที่ 12 ธ.ค.65 นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ซึ่งประกอบด้วย 10 จังหวัด คือ ตาก มุกดาหาร ตราด สระแก้ว สงขลา หนองคายนราธิวาส เชียงราย นครพนม และกาญจนบุรี ซึ่งการขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าว เพื่อใช้ภูมิประเทศที่มีประเทศเพื่อนบ้านรายล้อมรอบทิศเป็นจุดแข็งในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจประเทศให้มั่นคงและยั่งยืนโดยมีแนวทางการพัฒนา เช่น การกำหนดเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อนักลงทุน การต่อยอดการพัฒนาพื้นที่จากทรัพยากรที่มีอยู่เดิม การพัฒนาโครงสร้างพื้
อ่านเพิ่มเติม »
'เยลเลน' คาดเงินเฟ้อสหรัฐชะลอตัวชัดเจนปีหน้า มั่นใจศก.เลี่ยงภาวะถดถอยได้ : อินโฟเควสท์นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐให้สัมภาษณ์ในรายการ “60 Minutes” ทางสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสในวันอาทิตย์ (11 ธ.ค.) ว่า เธอยังคงเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังฟื้นตัว และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะปรับตัวลงอย่างมากภายในสิ้นปี 2566 “หากเศรษฐกิจโลกไม่เผชิญวิกฤตการณ์รุนแรง ดิฉันก็เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะลดลงอย่างมากภายในสิ้นปี 2566” นางเยลเลนกล่าว นอรา โอดอนเนลล์ ผู้ดำเนินรายการ 60 Minutes กล่าวกับนางเยลเลนว่า “ผู้นำในภาคธุรกิจต่างก็เตือนให้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ท่านทราบเรื่องนี้หรือไม่ และท่านมีความเห็นอย่างไร” ทั้งนี้ นางเยลเลนกล่าวว่า “มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะถดถอย แต่ในมุมมองของดิฉันแล้ว ดิฉันเชื่อว่าสหรัฐจะสามารถหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ได้ จริงอยู่ที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจชะลอลงอย่างเห็นได้ชัด และภาคธุรกิจก็เห็นสิ่งนี้ด้วย แต่เมื่อมองในอีกด้านหนึ่งนั้น เศรษฐกิจของเราฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การเติบโตทางเศรษฐกิจของเราอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยเรามีตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งและการจ้างงานก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งทำให้ประชาชนมีงานทำอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ในการฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงนั้น การทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงในทางใดทางหนึ่ง ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่นกัน” นางเยลเลนเคยดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงปี 2557-2561 โดยที่ผ่านมานั้น เธอมั่นใจว่าคณะกรรมการเฟดภายใต้การนำของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดคนปัจจุบัน จะสามารถใช้นโยบายการเงินเพื่อควบคุมเงินเฟ้อได้โดยไม่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับภาวะถดถอย การแสดงความเห็นของนางเยลเลน มีขึ้นก่อนที่ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนพ.ย.ในวันพรุ่งนี้ (13 …
อ่านเพิ่มเติม »
พลาดเป้า! สรรพสามิตเก็บรายได้ลดลง ผลจากลดภาษีดีเซล : อินโฟเควสท์นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวว่า ภาพรวมการจัดเก็บรายได้ของกรม ในช่วง 2 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ต.ค.-พ.ย.65) อยู่ที่ 75,639 ล้านบาท ลดลง 9.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 13,423 ล้านบาท หรือลดลง 15.1% เนื่องจากรัฐบาลได้มีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง เพื่อช่วยบรรเทาภาระให้กับประชาชน หลังจากที่แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกทรงตัวอยู่ในระดับสูง ภาพรวมการจัดเก็บภาษีน้ำมันของกรม อยู่ที่ 16,467 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 49.6% และต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 18,690 ล้านบาท หรือลดลง 53.2% ซึ่งมีการประเมินว่าการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลง 5 บาทต่อลิตรนั้น จะทำให้สูญรายได้ราว 1 หมื่นล้านบาทต่อเดือน “การจัดเก็บรายได้ที่ลดลง หลัก ๆ เป็นผลมาจากมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล ซึ่งมีสัดส่วน 40% ของการจัดเก็บรายได้ของกรมฯ แต่เรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาล โดยล่าสุดมีผลถึงเดือน ม.ค. 2566 ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน จากผลกระทบของราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับสูง แต่ภาพรวมการจัดเก็บรายได้จากสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง …
อ่านเพิ่มเติม »
นักระบาดวิทยาชั้นนำของจีนเผยโควิดโอมิครอนมีความเสี่ยงคล้ายไข้หวัดใหญ่ : อินโฟเควสท์นายจง หนานซาน นักระบาดวิทยาชั้นนำของจีน เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า อัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้นคล้ายกับโรคไข้หวัดใหญ่ โดยอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนอยู่ที่ 0.1% ถ้อยแถลงดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนดูอันตรายลดลง สอดคล้องกับการที่ทางการจีนผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการสกัดโรคโควิด-19 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ประกาศผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 โดยรวมถึงการอนุญาตให้ผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรงหรือไม่แสดงอาการของโรคกักตัวที่บ้านแทนการถูกส่งตัวไปยังสถานที่กักตัวที่ภาครัฐจัดเตรียมไว้ให้ และยกเลิกหลักเกณฑ์การแสดงผลตรวจเป็นลบในการเข้าพื้นที่สาธารณะส่วนใหญ่ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ระดับชาติ เพื่อขจัดความไม่พอใจของประชาชนและสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ มาตรการใหม่ 10 ประการดังกล่าวยังได้รวมถึงการเร่งฉีดวัคซีนให้กับผู้สูงอายุและห้ามเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกำหนดพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น บ้านจัดสรร เป็นสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูง รวมถึงการยกเลิกการแสดงผลตรวจเป็นลบสำหรับการเดินทางข้ามเขต และห้ามระงับการดำเนินงานหรือการผลิต หากไม่ใช่สถานที่ที่ถูกกำหนดว่ามีความเสี่ยงสูง มาตรการใหม่ทั้ง 10 ข้อนี้เสริมกับมาตรการผ่อนปรนชุดแรก 10 ข้อที่ประกาศไปเมื่อหนึ่งเดือนก่อน เพื่อปรับเปลี่ยนแนวทางการควบคุมโรคระบาด โดยการเร่งผ่อนปรนมาตรการคุมโควิด-19 นี้สะท้อนให้เห็นถึงแรงกดดันที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเผชิญ ในขณะที่พยายามนำพาประเทศก้าวออกจากวิกฤตการณ์โรคระบาด หลังจากประชาชนไม่พอใจนโยบายโควิดเป็นศูนย์จนเกิดการก่อหวอดประท้วงทั่วประเทศ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »