รัฐบาลเดินหน้า 'บ้านล้านหลัง เฟส 3' วงเงิน 2 หมื่นลบ. ที่อยู่อาศัย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธอส สินเชื่อ สินเชื่อที่อยู่อาศัย อินโฟเควสท์
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ มีวงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท โดย ธอส. สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ในช่วง 5 ปีแรก วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อรายต่อหลักประกันและมีระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 40 ปี โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส.
การดำเนินโครงการดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาที่ไม่สูงและเหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ กลุ่มวัยทำงาน หรือประชาชนที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ที่มียอดคำขอสินเชื่อเต็มกรอบวงเงินแล้ว โดยมียอดอนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวน 22,240 ราย เป็นจำนวนเงิน 19,937.
ทั้งนี้ สัดส่วนของจำนวนผู้ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อภายใต้โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 มีการกระจายตัวอยู่ในช่วงวงเงิน ได้แก่ 1) ต่ำกว่า 500,000 บาท 2) 500,001 – 1,000,000 บาท และ 3) 1,000,001 – 1,500,000 บาท คิดเป็น 11% 47% และ 42% ตามลำดับ และอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และจังหวัดภูมิภาค คิดเป็น 36% และ 64% ตามลำดับ จะเห็นได้ว่า สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยส่วนใหญ่อยู่ระหว่างช่วงระดับราคาที่ 500,001 – 1,500,000 บาท...
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ครม.เคาะ‘บ้านล้านหลัง’เฟส 3 วงเงิน 2 หมื่นล้านคลิกอ่านที่นี่ ครม. บ้านล้านหลัง ครม.เคาะ‘บ้านล้านหลัง’เฟส 3 วงเงิน 2 หมื่นล้าน
อ่านเพิ่มเติม »
ครม.ไฟเขียว! โครงการ 'บ้านล้านหลัง' เฟส 3ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติ โครงการ 'บ้านล้านหลัง' เฟส 3 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ช่วง 5 ปีแรก โดยสามารถยื่นขอกู้กับ ธอส. ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
อ่านเพิ่มเติม »
ครม. เคาะ บ้านล้านหลัง เฟส 3 วงเงิน 20,000 ล้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.)
อ่านเพิ่มเติม »
ครม.จัดเต็มเคาะ 'บ้านล้านหลัง เฟส 3' กว่า 2 หมื่นล้าน วันนี้การประชุมครม. โค้งสุดท้ายวันนี้ จัดเต็มกว่า 40 เรื่อง ไฮไลท์ คลังชงบ้านล้านหลัง เฟส 3 วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท ส่วนอุตสาหกรรม ชงต่ออายุประทานบัตรทำเหมืองแร่ จัดงบกลางให้ตำรวจ ครม ฐานเศรษฐกิจ
อ่านเพิ่มเติม »
OR คาดยอดขายน้ำมันปีนี้โตรับอานิสงส์ Jet ฟื้น-ขยายปั๊ม ทุ่มงบลงทุน 3.1 หมื่นลบ.พร้อมลุย M&A : อินโฟเควสท์นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายน้ำมันในปี 66 น่าจะเติบโตดีกว่าปีก่อน ได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยที่คาดว่าจะเติบโต 3.7% และความต้องการใช้น้ำมันอากาศยาน (Jet) ฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีสถานการณ์โควิด อีกทั้งการท่องเที่ยวฟื้นตัวหลังจีนเปิดประเทศ ทำให้คาดว่าความต้องการใช้น้ำมัน Jet น่าจะกลับไปใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิดได้ภายในสิ้นปีนี้ และจะเติบโตกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ในปีถัดไป ทั้งนี้ OR ถือว่ามีมาร์เก็ตแชร์ในส่วนของน้ำมัน Jet สูงเกือบ 50% หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดราว 1,600 ล้านบาท ของมูลค่าตลาดรวม 3,200 ล้านบาท หากดีมานด์น้ำมัน Jet กลับมาเติบโตเหมือนในอดีต คาดจะส่งผลดีต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ส่วนความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเบนซินและดีเซลก็มีแนวโน้มเติบโตได้ค่อนข้างดีเช่นกัน อย่างไรก็ตาม การเติบโตของยอดขายน้ำมัน ยังขึ้นอยู่กับทิศทางราคาน้ำมันดิบดูไบด้วย โดยทางกลุ่ม ปตท.ประเมินแนวโน้มราคาน้ำมันดิบดูไบในปีนี้จะเฉลี่ยอยู่ที่ 80-87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปี 65 เฉลี่ยอยู่ที่ 96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล นายดิษทัต ยังกล่าวถึงธุรกิจไลฟ์สไตล์ของ OR […]
อ่านเพิ่มเติม »
TRUE อ่วมปี 65 ขาดทุน 1.8 หมื่นลบ.รับค่าใช้จ่ายขยายโครงข่าย-ดอกเบี้ย-ขาดทุน FX : อินโฟเควสท์บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) รายงานผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 18,285.2 ล้านบาท ในปี 2565 สูงกว่าปี 2564 ที่มีผลขาดทุนสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 1,428 ล้านบาท จากค่าเสื่อมราคาโครงข่ายและค่าตัดจำหน่ายคลื่นความถี่ที่เพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการขยายโครงข่ายและการให้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 1.2 พันล้านบาท และค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำประมาณ 8.5 พันล้านบาทในไตรมาส 4 อาทิการตัดจำหน่ายสินทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อนหรือคาดว่าจะไม่ได้ใช้ในบริษัทใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการควบรวมกิจการ การด้อยค่าของค่าความนิยม และผลกระทบจากการประเมินมูลค่าประจำปีของหน่วยลงทุน DIF ทั้งนี้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 จากปีก่อนเป็น 50,587 ล้านบาท จากการขยายโครงข่ายและบริการคุณภาพของกลุ่มบริษัทซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานหลักเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปและดอกเบี้ยจ่าย (สุทธิ) เป็น 10,946 ล้านบาท ไม่รวมผลกระทบจาก TFRS 16 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.4 เมื่อเทียบกับปีก่อนจากเงินกู้ยืมที่เพิ่มขึ้นเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของธุรกิจและความต้องการใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ส่วนรายได้จากการให้บริการ 103,845 ล้านบาทซึ่งลดลงร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน จาก ARPU ที่ลดลงตามการแข่งขันในตลาด และจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจซึ่งมีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคและการแข่งขันในตลาด แม้ฐานผู้ใช้บริการจะเติบโต ส่งผลให้ EBITDA […]
อ่านเพิ่มเติม »