ยอดยื่นสมัคร LTR Visa ทะลุ 1,000 ราย กลุ่มเกษียณอายุรายได้สูง และกลุ่มที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย ยื่นขอสูงสุดเกิน 30% ของยอดทั้งหมด สหรัฐฯยื่นใบสมัครสูงสุด 232 รายรองลงมาเป็นจีน 140 ราย อ่านต่อ: กรุงเทพธุรกิจ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการเปิดรับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงพำนักในประเทศไทยผ่านการเปิดรับสมัครยื่นขอวีซ่าระยะยาว หรือของรัฐบาลว่าหลังจากที่ได้เปิดให้มีการยื่นใบสมัครตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ต.ค.สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้รายงานตัวเลขผู้ขอยื่นขอใบสมัคร LTR Visa อยู่ที่ 1,158 ราย
โดยประเทศที่มีการยื่นขอใบสมัครมากที่สุดได้แก่ สหรัฐฯ 232 ราย รองลงมาคือประเทศจีน 140 ราย สหราชอาณาจักร 109 ราย เยอรมัน 68 ราย และออสเตรเลีย 51 ราย ที่เหลือเป็นผู้สมัครจากประเทศอื่นๆต้องมีทรัพย์สินมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 ดอลลาร์/ปี และลงทุนในไทยไม่น้อยกว่า 5 แสนดอลลาร์ มีผู้ยื่นใบสมัครแล้ว 88 คน คิดเป็น 8% ต้องมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 ดอลลาร์/ปี กรณีรายได้ต่ำกว่าที่กำหนด ต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 250,000 ดอลลาร์ ในพันธบัตรรัฐบาล...
ที่เหลือเป็นการยื่นขอใบสมัครของคู่สมรส และบุตรของผู้ทต้องการทำงานและพำนักอาศัยระยะยาวในประเทศไทย โดยมีคนที่ยื่นใบสมัครวีซ่าในส่วนนี้ 144 คน คิดเป็น 14% สำหรับสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ถือ LTR Visa จะได้สิทธิพำนักในประเทศไทย 10 ปี สามารถใช้ช่องทางพิเศษ ในการเข้าออกราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ รายงานตัวทุก 1 ปี และไม่ต้องยื่นขออนุญาตกลับเข้ามาในราชอาณาจักร อนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย โดยลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 17 สำหรับกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ และมีผู้ติดตามได้ 4 คน
ทั้งนี้ประเทศไทยมีนโยบายที่จะดึงดูดชาวต่างชาติศักยภาพสูงที่มีความสามารถ ทักษะการทำงานในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย รวมทั้งมีความมั่วคั่งในระดับสูงให้เข้ามาทำงานและพำนักอยู่ในประเทศไทย 1 ล้านคน ภายในระยะเวลา 5 ปี โดยคาดว่าจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มในระบบเศรษฐกิจจากนโยบายนี้ไม่น้อยกว่า 1.7 ล้านล้านบาท