ผู้ว่า BOK เผยเร็วเกินไปที่จะปรับลดดอกเบี้ย เหตุเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย BOK ธนาคารกลางเกาหลีใต้ นโยบายการเงิน อัตราดอกเบี้ยนโยบาย อัตราเงินเฟ้อ เกาหลีใต้ อินโฟเควสท์
นายอี ชางยง ผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ กล่าวว่ายังเร็วเกินไปที่จะเริ่มพูดคุยเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นการสกัดกระแสคาดการณ์ที่ว่า BOK จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็ว ๆ นี้ หลังเป็นหนึ่งในธนาคารกลางแห่งแรก ๆ ที่ระงับวงจรการคุมเข้มนโยบายการเงิน
“เราขอชี้แจงว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของเรายังสูงกว่าเป้าหมาย แม้เงินเฟ้อจะลดลงต่ำกว่าระดับ 4% แล้ว แต่ยังสูงกว่าเป้าหมาย เราจึงต้องรอดูไปก่อน ดังนั้น ออกจะเร็วเกินไปสักหน่อยที่จะเริ่มพูดถึงเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเวลานี้” นายอีให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีที่การประชุมประจำปีของธนาคารพัฒนาเอเชีย ณ เมืองอินชอน
ความเห็นของนายอีมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่มีการรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่ 3.7% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี แต่สูงกว่าเป้าหมายของ BOK ที่ระดับ 2% “เราระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมสองครั้งล่าสุด เนื่องจากเราปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวมทั้งหมด 3.
“ในมุมมองของเรานั้น ดัชนี CPI มีแนวโน้มลดลงสู่กรอบล่างถึงกรอบกลางของ 3% ในเดือนพ.ค 2566 เมื่อเทียบเป็นรายปี และ 2% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2566” นายชเว จีอุค และนายคิม จินอุค นักเศรษฐศาสตร์ของซิตี้กล่าวเมื่อวานนี้
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ผู้ว่า กกท. เผยยังไม่มีรายงานปัญหาจากทัพซีเกมส์ ยกเว้นเรื่องกรรมการดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการกกท. เผย ทัพนักกีฬาไทยที่ทยอยเดินทางทำศึกซีเกมส์ ที่กัมพูชา ในช่วงที่ผ่านมา ยังมีขวัญและกำลังใจดี ชี้ยังไม่ได้รับรายงานปัญหาที่หนักอกหนักใจนอกสนาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร หรือความเป็นอยู่
อ่านเพิ่มเติม »
นักวิชาการหนุนขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ แนะพัฒนาฝีมือ-ปรับค่าจ้างตามอายุงาน : อินโฟเควสท์ศาสตราภิชาน แล ดิลกวิทยรัตน์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า จากการติดตามการเมืองมาหลายยุคหลายสมัย การเลือกตั้งรอบนี้มีการเน้นหาเสียงด้วยนโยบายมากกว่าตัวบุคคล ทุกพรรคมุ่งเป้าไปที่การสร้างหลักประกันชีวิตให้คนจน หรือมักใช้คำว่าสร้างรัฐสวัสดิการ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ในประเทศตกอยู่ในสภาวะยากจนลงจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น การปรับรายได้ให้ทันรายจ่ายจึงเป็นการชูนโยบายที่เป็นเหตุเป็นผลและเป็นรูปธรรมมากที่สุด “เรากังวลกันว่าการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจะทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่ลองสังเกตดูว่าจนถึงทุกวันนี้ ค่าจ้างขั้นต่ำยังไม่ทันขึ้นเลย แต่ค่าครองชีพกลับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง การขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำจึงไม่ใช่เหตุ แต่มันเป็นผลของเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ทุกพรรคเห็นปัญหานี้และได้หยิบยกมาเป็นนโยบายหลัก” ศาสตราภิชาน แล กล่าว ภาพสำคัญที่สะท้อนว่าค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราปัจจุบันไม่เพียงพอคือ การทำงานล่วงเวลาของบรรดาลูกจ้างที่ต้องดิ้นรนทำงานเกินวันละ 8 ชั่วโมงตามที่กฎหมายระบุ หลายคนทำงาน 10-12 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ได้ค่าตอบแทนล่วงเวลา (โอที) มาเลี้ยงปากท้องคนทั้งบ้าน แต่ก็ต้องแลกมาด้วยคุณภาพชีวิตที่ถดถอยกลับบ้านดึก มีเวลาให้ครอบครัวน้อยลง แนวการแก้ปัญหาอย่างตรงจุดแบบที่นายจ้างและลูกจ้างได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย คือ ข้อแรก การพัฒนาฝีมือแรงงานให้สูงขึ้น เมื่อลูกจ้างทำผลงานได้ดีขึ้น นายจ้างก็สามารถจ่ายค่าจ้างได้โดยไม่เดือดร้อนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้น สิ่งที่ภาครัฐและนายจ้างควรทำในระยะยาวคือการเพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน ด้วยการลงทุนวิจัยเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ที่นำไปสู่การสร้างผลิตผลที่มากขึ้น ข้อสอง การบังคับใช้ค่าจ้างขั้นต่ำให้เป็นไปตามนิยามอย่างแท้จริง โดยนิยามของค่าจ้างขั้นต่ำ คือค่าตอบแทนต่ำสุดที่นายจ้างจะต้องจ่ายแก่ลูกจ้างแรกเข้าและไร้ฝีมือ แต่มีนายจ้างจำนวนมากยึดตัวเลขนี้ตลอดการจ้างงาน ตราบเท่าที่ทางการไม่ประกาศการเพิ่มค่าจ้างเป็นอัตราใหม่ เช่น ลูกจ้างทำงานมาเป็นสิบปีก็ยังได้กินแค่ค่าจ้างขั้นต่ำ ทั้งๆ ที่มีประสบการณ์และทำผลงานได้มากขึ้น หากไม่มีนโยบายขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำอัตราใหม่จากรัฐบาล นายจ้างก็ยังจ่ายเท่าเดิม […]
อ่านเพิ่มเติม »
เกิดเหตุใช้อาวุธสังหารดับ 10 ศพในเมืองกวายากิล, เอกวาดอร์ คาดแก๊งอาชญากรแย่งเขตอิทธิพล : อินโฟเควสท์สำนักงานอัยการของเอกวาดอร์และตำรวจรายงานเมื่อวันอาทิตย์ (30 เม.ย.) ว่า เกิดเหตุโจมตีด้วยอาวุธในเมืองกวายากิลของเอกวาดอร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย บาดเจ็บ 3 ราย โดยผู้บาดเจ็บรวมถึงเด็กหญิงอายุ 5 ขวบ สำนักงานอัยการเอกวาดอร์โพสต์ลงทวิตเตอร์ว่า พบปืนไรเฟิลและปืนขนาด 9 มม. ในที่เกิดเหตุ “เราเชื่อว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ระหว่างแก๊งอาชญากรเพื่อแย่งชิงพื้นที่เขตอิทธิพล” นายวิลเลียม วิลลาโรเอล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวในการแถลงข่าว “ขณะนี้หน่วยสืบสวนและหน่วยข่าวกรองของเรากำลังดำเนินการค้นหาตัวผู้ก่อเหตุ” ตำรวจแห่งชาติโพสต์ลงทวิตเตอร์เมื่อวานนี้ อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการจับกุมคนร้ายได้แต่อย่างใด ด้านรัฐบาลเอกวาดอร์ประกาศภาวะฉุกเฉินในเมืองกวายากิลและพื้นที่ใกล้เคียงเมื่อต้นเดือนเม.ย. เพื่อพยายามควบคุมเหตุรุนแรงที่เพิ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงมีการประกาศเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 01.00 น. ถึง 05.00 น. อนึ่ง เอกวาดอร์อนุญาตให้พลเรือนสามารถพกปืนและใช้ปืนเพื่อป้องกันตัวได้ ท่ามกลางเหตุอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นซึ่งรัฐบาลกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของแก๊งค้ายาเสพติด โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 พ.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
'มอร์แกน สแตนลีย์' เล็งปลดพนักงานรอบสองอีก 3,000 รายใน Q2/66 : อินโฟเควสท์มอร์แกน สแตนลีย์ วางแผนที่จะปรับลดพนักงานประมาณ 3,000 ตำแหน่งในไตรมาสที่ 2/2566 ซึ่งนับเป็นการปรับลดพนักงานรอบ 2 ในรอบ 6 เดือน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า การทำข้อตกลงทางธุรกิจและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากกำลังกระตุ้นให้ธนาคารพิจารณาปรับลดจำนวนพนักงาน การปลดพนักงานระลอกล่าสุดมีขึ้นหลังจากรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจลดลง ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมลดลงเกือบ 2% แตะ 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ชารอน เยชยา หัวหน้าฝ่ายการเงินของมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า การจัดการค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เมื่อคำนึงถึงความไม่แน่นอนของตลาดในวงกว้างและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน กลุ่มธนาคารเพื่อการลงทุนของวอลล์สตรีทได้รับผลกระทบจากการทำข้อตกลงทางธุรกิจที่ตกต่ำลง เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดที่ผันผวนและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา นายเจมส์ กอร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมอร์แกน สแตนลีย์ได้กล่าวว่า ธนาคารจะปรับลดตำแหน่งงานทั่วโลกลงในระดับปานกลาง โดยไม่ได้ระบุจำนวนที่แน่นอน ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2566 มอร์แกน สแตนลีย์มีพนักงานมากกว่า 82,000 คน และการปลดพนักงานระลอกนี้จะส่งผลกระทบต่อพนักงานเกือบ 4% โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE […]
อ่านเพิ่มเติม »
ออสเตรเลียจ่อจ่ายเงินพิเศษให้ทหาร หลังความเสี่ยงทางยุทธศาสตร์เพิ่มขึ้น : อินโฟเควสท์ทางการออสเตรเลียเปิดเผยว่า ออสเตรเลียจะจ่ายเงินพิเศษให้แก่เจ้าหน้าที่ทางการทหารคนละ 50,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (33,165 ดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อให้อยู่ประจำการต่อ หลังสิ้นสุดระยะเวลาประจำการครั้งแรก รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นไม่กี่วันหลังจากรายงานการทบทวนด้านกลาโหมของออสเตรเลียพบว่า ความพร้อมทางการทหารของออสเตรเลียนั้นยังไม่เพียงพอ ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน นายริชาร์ด มาร์เลส รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลียระบุว่า ทหารในปัจจุบันมีจำนวนน้อยกว่าทหารที่กำหนดว่าจะได้รับเงินถึง 3,400 นาย และยังมีปัญหาเรื่องจำนวนทหารประจำการด้วย นายมาร์เลสแถลงต่อสื่อมวลชน ณ กรุงแคนเบอร์รา ว่า “เราไม่มั่นใจว่าเราจะสามารถสรรหาบุคลากรทางการทหารได้ตามจำนวนที่เราต้องการ” สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เงินพิเศษดังกล่าวจะจ่ายให้แก่ทหารที่อยู่ประจำการต่อ หลังจากพ้นการประจำการภาคบังคับแล้ว ซึ่งโดยทั่วไปคือ 3 ปี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลออสเตรเลียได้เห็นพ้องกับรายงานการทบทวนยุทธศาสตร์กลาโหม (DSR) ที่ระบุว่า ออสเตรเลียต้องให้ความสำคัญกับความสามารถในการโจมตีระยะไกลที่แม่นยำ, การผลิตอาวุธนำวิถีในประเทศ และการทูต ทั้งนี้ รายงานการทบทวนด้านกลาโหมระบุว่า สหรัฐไม่ได้เป็นผู้นำของภูมิภาคอินโดแปซิฟิกแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป การแข่งขันระหว่างสหรัฐและจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น และการแข่งขันยังมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งได้ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
ฮ่องกงกดดันธนาคารให้บริการแก่บ.ด้านสินทรัพย์ดิจิทัล หวังเป็นศูนย์กลางคริปโทฯโลก : อินโฟเควสท์หน่วยงานกำกับดูแลของฮ่องกงออกมาเรียกร้องให้ธนาคารต่าง ๆ ให้บริการแก่บรรดาบริษัทที่ทำธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ในขณะที่ฮ่องกงกำลังผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีของโลก สำนักข่าวนิกเกอิรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลของฮ่องกงไม่ได้เรียกร้องให้ธนาคารต่าง ๆ เข้าเทรดคริปโทฯ อย่างบิตคอยน์ด้วยตนเอง แต่บอกให้ธนาคารเปิดทางให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโทฯ สามารถเปิดบัญชีเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจตามปกติ เช่น การจ่ายเงินเดือน และการจ่ายค่าเช่า ธนาคารกลางฮ่องกง (HKMA) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฮ่องกง (SFC) ได้แจ้งข้อความดังกล่าวในการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 เม.ย.) โดยมีตัวแทนจากอุตสาหกรรมคริปโทฯ และธนาคารรายใหญ่ ได้แก่ ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC), ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และแบงก์ ออฟ คอมมิวนิเคชันส์ เข้าร่วมด้วย ในทางกลับกัน ผู้เข้าร่วมประชุมระบุว่า บัญชีที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ของลูกค้าของบริษัทคริปโทฯ ทางธนาคารต่าง ๆ ถูกขอให้ใช้การประเมิน “ตามแนวความเสี่ยง” ให้มากขึ้นกว่านี้ในการประเมินใบสมัคร โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »