วันที่ 4 ต.ค.65 พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผบก.ปอศ., พ.ต.อ.จักรกริช เสริบุตร ผกก.3 บก.ปอศ.,พ.ต.ท.วีร์กวิน เสริมศรีธนชัย, พ.ต.ท.ชยานนท์ ทองแถม รอง ผกก.3 บก.ปอศ.
และ ชุดจับกุมนำโดย พ.ต.ต.วรพจน์ ลลิตจิรกุล สว.กก.3 บก.ปอศ. ได้จับกุม น.ส.สุทธิรัตน์ อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับอาญา ที่ 1457/2565 ลง 20 ก.ค.65 ในฐานะส่วนตัวโดยเป็นกรรมการบริษัท ในความผิดฐาน “ร่วมกันไม่จัดทำและไม่นำส่งงบการเงิน ประจำปี และไม่จัดทำและนำส่งรายงานประจำปี” และ หมายจับศาลอาญา ที่ 1460/2565 ลง 20 ก.ค.
สืบเนื่องจาก บริษัทไทยยูนีคคอยล์ เซ็นเตอร์ จำกัด มีสถานะเป็นบริษัทมหาชนโดยมี น.ส.สุทธิรัตน์ เป็นหนึ่งในกรรมบริษัท ที่มีหน้าที่สั่งการหรือกระทำการให้บริษัทจัดทำและ นำส่งงบการเงินและรายงานทางการเงินต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ตามกฎหมาย ต่อมา สำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีหนังสือไปถึงบริษัทดังกล่าว ให้กรรมบริษัทที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องดังกล่าวเข้ามาชี้แจงกับสำนักงาน ก.ล.ต. แต่พบว่า มิได้มีผู้ใดมาชี้แจงแต่อย่างใด เป็นเหตุให้สำนักงาน ก.ล.ต. เข้ามาร้องทุก์ต่อ กก.3 บก.ปอศ. ต่อมา พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอศ.
หลังจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เมื่อช่วงปี 2553-2554 บมจ.ไทยยูนีค คอยล์เซ็นเตอร์ โดยผู้ต้องหากับพวกเป็นผู้บริหารในขณะนั้น เคยถูก สำนักงาน ก.ล.ต.
จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจขอย้ำเตือนกับบริษัทมหาชน มีหน้าที่ต้องจัดทำและนำส่งงบการเงินและรายงานประจำปี ต่อ สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ปฏิบัติตรงตามระยะเวลาที่ สำนักงาน ก.ล.ต.กำหนด หากเพิกเฉยถือเป็นความผิดทางอาญา ต่อ บริษัทหรือผู้ประกอบกิจการ ทั้งในนาม นิติบุคคลและบุคคลทั่วไปและขอเน้นย้ำว่า การขัดหมายเรียกเกินกว่า 2 ครั้ง เป็นเหตุให้ถูกออกหมายจับกุมได้