นายกฯ ห่วง 8 จังหวัดรับผลกระทบเจ้าพระยาเพิ่มสูง กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้องเตรียมพร้อมทุกด้าน สถานการณ์น้ำ แม่น้ำเจ้าพระยา อินโฟเควสท์
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ติดตามสถานการณ์น้ำทั่วประเทศอย่างใกล้ชิดรวมถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้มีน้ำหลากจากทางตอนเหนือไหลลงแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มมากขึ้น ซึ่งล่าสุด สถานการณ์ระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาอยู่ที่ +17.64 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ซึ่งสูงกว่าระดับเก็บกัก 1.14
ทั้งนี้ เพื่อรักษาเสถียรภาพความมั่นคงของบานระบายน้ำและตัวเขื่อนเจ้าพระยา กรมชลประทานจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ให้อยู่ในเกณฑ์ +17.
นายอนุชา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนที่อยู่ในบริเวณพื้นที่จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่อาจได้รับผลกระทบจากระดับน้ำบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาที่เพิ่มขึ้น ตั้งแต่บริเวณพื้นที่ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท อำเภออินทร์บุรี อำเภอเมืองสิงห์บุรี และอำเภอพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอป่าโมก และอำเภอไชโย คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล อำเภอเสนา และอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 0.10-0.
“นายกรัฐมนตรีขอให้จังหวัดในพื้นที่ดังกล่าว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมความพร้อมรับมือในทุกด้าน เพื่อดูแลช่วยเหลือประชาชนให้ทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคันบริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ รวมทั้งเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือ เพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนได้ทันที
ขณะเดียวกันให้มีการปรับแผนบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ รวมทั้งใช้พื้นที่ลุ่มต่ำเป็นแก้มลิงหน่วงน้ำและรองรับน้ำหลาก เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สำหรับเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ขอให้บริหารจัดการน้ำโดยใช้ระบบชลประทานในการนำน้ำเข้าคลองต่าง ๆ ทั้งด้านฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้ได้มากที่สุด ตามศักยภาพคลองชลประทานในแต่ละช่วงเวลาที่สามารถรองรับได้ ส่วนพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณด้านเหนือเขื่อนเจ้าพระยาในเขตจังหวัดชัยนาทและอุทัยธานี...
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
นายกฯ สั่งเร่งจับกุมคนร้ายก่อเหตุกราดยิงในศูนย์เด็กเล็กหนองบัวลำภู เสียชีวิตหลายสิบราย : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แสดงความเป็นห่วงต่อเหตุการณ์คนร้ายก่อเหตุกราดยิงภายในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์ อบต.อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บเสียชีวิตกว่า 30 คน โดยนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการระงับเหตุ และให้การช่วยเหลือ ตรวจสอบ จับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด พล.ต.ต.อาชยน ไกรทองโฆษก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (โฆษกตร.) เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.ที่ผ่านมา เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงในศูนย์เด็กเล็กดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ก่อนที่คนร้ายจะหลบหนี ซึ่ง พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) บินด่วนลงพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อติดตามประเมินสถานการณ์ด้วยตัวเอง โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
ปลัด สธ.เผยมีผู้เสียชีวิตสะสมจากสถานการณ์น้ำท่วมแล้ว 26 ราย : อินโฟเควสท์นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สถานการณ์น้ำท่วมตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.65 จนถึงปัจจุบันมีผู้เสียชีวิตที่สัมพันธ์กับเหตุการณ์น้ำท่วมสะสมแล้ว 26 ราย โดยมีสาเหตุจากถูกกระแสน้ำพัดขณะเดินเท้าหรือใช้รถ/เรือ และการจมน้ำถึง 23 ราย จึงขอให้ประชาชนยึดหลัก “4 ห้าม 4 ให้” โดย 4 ห้าม ได้แก่ 1.ห้ามหาปลาในช่วงน้ำไหลหลาก 2.ห้ามดื่มสุราแล้วลงเล่นน้ำ 3.ห้ามเดินผ่านหรือขับรถฝ่ากระแสน้ำท่วม เพราะระดับน้ำเพียง 6 นิ้ว ก็ทำให้รถเสียหลักและล้มได้ 4.ห้ามเด็กลงเล่นน้ำ เพราะอาจพลัดตกหรือถูกน้ำพัดได้ ส่วน 4 ให้ ได้แก่ 1.ให้อพยพไปพื้นที่สูงและรีบออกจากพื้นที่กรณีเกิดน้ำท่วม 2.ให้สวมเสื้อชูชีพ หรือนำอุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ติดตัวไปด้วย 3.ให้เดินทางเป็นกลุ่ม เพื่อช่วยเหลือกันเวลาฉุกเฉิน และ 4.ให้ติดตามข้อมูลข่าวสารสภาพอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด กรณีเกิดอุบัติเหตุขับรถตกน้ำ ขอให้คุมสติ ปลดเข็มขัดนิรภัย กรณีรถเพิ่งเริ่มจมน้ำ ให้ปลดล็อกประตู รีบลดกระจกลงหรือใช้ของแข็งทุบกระจกด้านข้างให้แตกหากรถจมน้ำทั้งคัน เปิดประตูไม่ได้ ให้ยกศีรษะเหนือน้ำ รอให้น้ำไหลเข้ามาจนเกือบเต็มจะเปิดประตูได้ง่ายขึ้นเมื่อออกจากรถได้แล้วปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังโรคและภัยสุขภาพอื่น …
อ่านเพิ่มเติม »
กูรูยกตลาดหุ้นสิงคโปร์ทำผลงานดีสุดในบรรดาตลาดประเทศพัฒนาแล้วในปีนี้ : อินโฟเควสท์นายอลัน ริชาร์ดสัน ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนของบริษัทซัมซุง แอสเซต แมเนจเมนท์ (ฮ่องกง) กล่าวว่า ในขณะที่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่เงินเฟ้อสูง (Stagflation) กำลังส่งผลกระทบต่อแนวโน้มตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วขนาดใหญ่ แต่ตลาดหุ้นสิงคโปร์กลับเป็นตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้วเพียงแห่งเดียวที่ทำผลงานได้โดดเด่นอย่างน่าประหลาดใจในปีนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี Straits Times Index ตลาดหุ้นสิงคโปร์ดีดตัวขึ้นประมาณ 1% ในปี 2565 ซึ่งเป็นดัชนีของตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วเพียงแห่งเดียวที่ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวกเมื่อพิจารณาในรูปสกุลเงินดอลลาร์ แต่ในทางกลับกัน ดัชนีตลาดหุ้นโลกร่วงลง 22% ในปี 2565 ซึ่งเป็นปีที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 ภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งมูลค่าหุ้นที่มีแนวโน้มถูกลง และเศรษฐกิจที่ได้รับปัจจัยหนุนจากการที่สิงคโปร์ฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 นั้น ได้ช่วยให้ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งมีน้ำหนักราวครึ่งหนึ่งของตลาด ทั้งนี้ นายริชาร์ดสันกล่าวว่า “ตลาดหุ้นสิงคโปร์ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยหุ้นคุณค่า (Value Stock) ปรับตัวได้ดีกว่าหุ้นเติบโต (Growth Stock) และคาดว่าภาวะดังกล่าวจะดำเนินต่อไปตราบใดที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงมุ่งมั่นที่จะฉุดอัตราเงินเฟ้อลงสู่ระดับเป้าหมายในระยะยาว นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นสิงคโปร์ไม่ค่อยมีบริษัทเทคโนโลยีเข้าจดทะเบียนก็เป็นอีกปัจจัยบวก ซึ่งตรงข้ามกับตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปที่ระบบเศรษฐกิจเผชิญปัญหาเป็นวงกว้างตั้งแต่ปัญหาเงินเฟ้อไปจนถึงการขาดแคลนพลังงานและปัญหาห่วงโซ่อุปทาน นายดาเนียล ดูบรอฟสกี นักกลยุทธ์ด้านการลงทุนจากบริษัทเดลีเอฟเอ็กซ์กล่าวว่า “ตราบใดที่เฟดยังไม่ชะลอหรือกลับลำการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงิน ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วจะไม่สามารถไล่ตามตลาดหุ้นสิงคโปร์ได้ทัน โดยในขณะนี้ตลาดกำลังจับตาท่าทีของเฟด …
อ่านเพิ่มเติม »
พาณิชย์ เตือนผู้ส่งออกเตรียมรับมือมาตรการจัดเก็บภาษีคาร์บอนของสหรัฐฯ-อียู : อินโฟเควสท์นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการติดตามความเคลื่อนไหวของประเทศคู่ค้าของไทย พบว่าสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (อียู) อยู่ระหว่างยกร่างกฎหมายกำหนดมาตรการจัดเก็บภาษีการปล่อยคาร์บอน หรือก๊าซเรือนกระจกกับสินค้าที่กระบวนการผลิต ส่งผลให้เกิดการปล่อยคาร์บอนในปริมาณสูง ด้านสมาชิกวุฒิสภาของสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมาย Clean Competition Act (CCA) ตั้งเป้าเก็บภาษีคาร์บอนกับสินค้าที่กระบวนการผลิตมีการปล่อยคาร์บอนปริมาณสูง โดยเสนอให้ผู้ผลิตของสหรัฐฯ และผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ จะต้องเสียภาษีคาร์บอน 55 เหรียญสหรัฐ ต่อการปล่อยคาร์บอน 1 ตัน หากกระบวนการผลิตสินค้ามีการปล่อยคาร์บอนเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ทั้งนี้ จะบังคับกับสินค้า อาทิ เชื้อเพลิงฟอสซิล ผลิตภัณฑ์จากการกลั่นปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ปุ๋ย ไฮโดรเจน กรดอะดิพิก ซีเมนต์ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม กระจก เยื่อกระดาษและกระดาษ และเอทานอล ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2567 และภายในปี 2569 จะขยายให้ครอบคลุมสินค้าสำเร็จรูปที่มีสินค้าข้างต้นเป็นส่วนประกอบในการผลิต โดยร่างกฎหมายดังกล่าว ยังอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการวุฒิสภา สำหรับสหภาพยุโรป ยังอยู่ระหว่างการออกมาตรการปรับคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน (Carbon Border Adjustment …
อ่านเพิ่มเติม »
ยอดค้าปลีกยูโรโซนร่วงลงตามคาดในเดือนส.ค. หลังอุปสงค์อ่อนแอ : อินโฟเควสท์สำนักงานสถิติยุโรป (Eurostat) เปิดเผยวันนี้ (6 ต.ค.) ว่า ยอดค้าปลีกของยูโรโซนร่วงลงในเดือนส.ค. ชี้ให้เห็นถึงอุปสงค์ของผู้บริโภคที่อ่อนแอ และตอกย้ำว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ Eurostat ระบุว่า ยอดค้าปลีกใน 19 ประเทศของยุโรปซึ่งใช้สกุลเงินยูโรร่วมกันปรับตัวลดลง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน และ 2.0% เมื่อเทียบเป็นรายปี ทั้งนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นจากนักเศรษฐศาสตร์โดยสำนักข่าวรอยเตอร์คาดว่า ยอดค้าปลีกจะปรับตัวลง 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนและ 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »