นายกฯเร่งเครื่องผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง : อินโฟเควสท์

ประเทศไทย ข่าว ข่าว

นายกฯเร่งเครื่องผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง : อินโฟเควสท์
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด,ประเทศไทย หัวข้อข่าว
  • 📰 InfoQuestNews
  • ⏱ Reading Time:
  • 73 sec. here
  • 3 min. at publisher
  • 📊 Quality Score:
  • News: 33%
  • Publisher: 68%

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยขับเคลื่อนตามเป้าหมายทางการแพทย์ สุขภาพ และเร่งเติมเต็มธุรกิจทางการแพทย์ในไทยให้เป็นศูนย์กลางอาเซียน ผ่านการสร้างมูลค่าจากสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนมูลค่าเพิ่ม GDP เป็น ร้อยละ 1.7 ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กำชับให้สร้างคุณค่าให้แก่สินค้าและบริการเชิงคุณภาพ พร้อมสร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ และพัฒนาบริหารภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพให้มีความพร้อม รวมทั้ง กระจายผลประโยชน์สู่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องภายในประเทศอย่างทั่วถึงและเป็นรูปธรรม โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หนึ่งในหมุดหมายสำคัญ คือ การพัฒนาไทยสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง โดยส่งเสริมการผลิตบุคลากร ยกระดับมาตรฐาน รวมถึงสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์ ต่อยอดจากผลการศึกษาวิจัยและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามาใช้ในกระบวนการรักษาพยาบาลเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ในการยกระดับสู่การให้บริการบนฐานนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อมุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถือเป็นหน่วยงานหลักที่กำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนระบบทางการแพทย์ และสุขภาพของไทยให้กลายเป็นศูนย์กลาง ผ่านการสร้างมูลค่าจากสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ซึ่งได้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนมูลค่าเพิ่ม GDP เป็นร้อยละ 1.7 สร้างองค์ความรู้ด้านการแพทย์และสาธารณสุข สร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ และพัฒนาบริหารภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพให้มีความพร้อม นอกจากนี้ จากข้อมูลพบว่า มูลค่าของตลาดอุตสาหกรรมความงามไทยเติบโตขึ้นร้อยละ 5 มูลค่าสูงกว่า […]

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยขับเคลื่อนตามเป้าหมายทางการแพทย์ สุขภาพ และเร่งเติมเต็มธุรกิจทางการแพทย์ในไทยให้เป็นศูนย์กลางอาเซียน ผ่านการสร้างมูลค่าจากสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนมูลค่าเพิ่ม GDP เป็น ร้อยละ 1.

โดยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หนึ่งในหมุดหมายสำคัญ คือ การพัฒนาไทยสู่การเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพมูลค่าสูง โดยส่งเสริมการผลิตบุคลากร ยกระดับมาตรฐาน รวมถึงสนับสนุนให้มีการใช้ประโยชน์ ต่อยอดจากผลการศึกษาวิจัยและเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ามาใช้ในกระบวนการรักษาพยาบาลเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม ในการยกระดับสู่การให้บริการบนฐานนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง...

สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ถือเป็นหน่วยงานหลักที่กำหนดเป้าหมายการขับเคลื่อนระบบทางการแพทย์ และสุขภาพของไทยให้กลายเป็นศูนย์กลาง ผ่านการสร้างมูลค่าจากสินค้าและบริการด้านสุขภาพ ซึ่งได้ตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนมูลค่าเพิ่ม GDP เป็นร้อยละ 1.7 สร้างองค์ความรู้ด้านการแพทย์และสาธารณสุข สร้างความเป็นธรรมในการเข้าถึงบริการสุขภาพ และพัฒนาบริหารภาวะฉุกเฉินด้านสุขภาพให้มีความพร้อม

นอกจากนี้ จากข้อมูลพบว่า มูลค่าของตลาดอุตสาหกรรมความงามไทยเติบโตขึ้นร้อยละ 5 มูลค่าสูงกว่า 1.4 แสนล้านบาท โดยคาดการณ์ว่า ไทยมีศักยภาพมากพอในการเป็นศูนย์กลางด้านความงามของอาเซียน เพราะตลาดผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางเติบโตขยายตัวมากที่สุดในกลุ่มอาเซียน อย่างไรก็ตามในปี พ.ศ. 2570 คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 1.6 แสนล้านบาท

“รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและความท้าทายภายใต้บริบทโลกใหม่ ที่ส่งผลต่อวิถีการใช้ชีวิตของประชาชน และระบบสุขภาพ รวมทั้ง กำหนดยุทธศาสตร์ เสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านที่ไทยมีศักยภาพ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมุ่งเน้น ระบบบริการสุขภาพที่สมดุล เป็นธรรม ทั้งทางเศรษฐกิจและสุขภาพของคนไทย รวมทั้ง...

เราได้สรุปข่าวนี้มาให้อ่านอย่างรวดเร็ว หากสนใจข่าว สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ อ่านเพิ่มเติม:

InfoQuestNews /  🏆 7. in TH

ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว

Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้

ไทยตอนบนอากาศร้อนจัด! เตือนพายุฤดูร้อน : อินโฟเควสท์ไทยตอนบนอากาศร้อนจัด! เตือนพายุฤดูร้อน : อินโฟเควสท์กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันออก และทะเลจีนใต้ในวันนี้ ส่งผลให้ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยและทะเลจีนใต้เข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น ในขณะที่ประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น โดยมีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง รวมถึงอาจมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากพายุฤดูร้อนที่อาจจะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ไม่ควรสวมใส่โลหะ และหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรและอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงไว้ด้วย ส่วนลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้ ทำให้ภาคใต้ยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับฝุ่นละอองในระยะนี้ ประเทศไทยตอนบนมีการสะสมของฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลางถึงมาก เนื่องจากการระบายอากาศไม่ดี ส่วนภาคใต้ยังคงมีการสะสมน้อย เนื่องจากการระบายอากาศในบริเวณดังกล่าวยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06:00 น. วันนี้ ถึง 06:00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ อากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 21-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39-43 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว […]
อ่านเพิ่มเติม »

ยอดผู้โดยสารเดินทางระบบราง ช่วงสงกรานต์ 11-13 เม.ย.กว่า 3 ล้านคน-เที่ยว : อินโฟเควสท์ยอดผู้โดยสารเดินทางระบบราง ช่วงสงกรานต์ 11-13 เม.ย.กว่า 3 ล้านคน-เที่ยว : อินโฟเควสท์กรมการขนส่งทางราง เผยประชาชนเดินทางด้วยระบบรางช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ 2566 สะสม 3 วัน (11 – 13 เมษายน 2566) รวมแล้วประมาณ 3.1 ล้านคน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 4.68% โดยเมื่อวาน (13 เมษายน 2566) มีผู้ใช้บริการระบบรางรวม 785,071 คน-เที่ยว ไม่มีเหตุอันตรายต่อการเดินรถไฟหรือรถไฟฟ้าขัดข้อง นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2566 ระหว่าง 11 – 17 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา 3 วันคือ วันที่ 11 – 13 เมษายน 2566 มีประชาชนใช้บริการระบบรางรวม 3,082,017 คน-เที่ยว ต่ำกว่าประมาณการ 164,758 คน-เที่ยว หรือต่ำกว่าประมาณการ 4.68% (ประมาณการ 3 […]
อ่านเพิ่มเติม »

ตลาดบ้านจีนเริ่มมีเสถียรภาพ ราคาปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน : อินโฟเควสท์ตลาดบ้านจีนเริ่มมีเสถียรภาพ ราคาปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน : อินโฟเควสท์ราคาบ้านในจีนปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนเริ่มมีเสถียรภาพ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS) รายงานในวันนี้ (15 เม.ย.) ว่า ราคาบ้านใหม่ใน 70 เมืองไม่รวมบ้านที่อุดหนุนโดยรัฐบาล เพิ่มขึ้น 0.44% ในเดือนมี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. นอกจากนี้ ราคาบ้านเพิ่มขึ้น 0.26% ในตลาดบ้านมือสองในเดือนมี.ค. หลังเพิ่มขึ้น 0.12% ในเดือนก.พ. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนนั้นขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งยังคงเปราะบาง เนื่องจากภาคครัวเรือนยังคงระมัดระวังในการใช้จ่าย และประชากรที่ลดลงทำให้ความต้องการบ้านลดลง ขณะที่การลงทุนที่เกี่ยวกับการพัฒนายังคงหดตัวลงในเดือนก.พ. แม้ยอดขายที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นก็ตาม โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 เม.ย. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »

ตั๋วเครื่องบินแพง!! กพท.กางแนวทางแก้ปัญหา หนุนเพิ่มเที่ยวบินรับดีมานด์ : อินโฟเควสท์ตั๋วเครื่องบินแพง!! กพท.กางแนวทางแก้ปัญหา หนุนเพิ่มเที่ยวบินรับดีมานด์ : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการในการประชุมคณะรัฐมนตรี ให้กระทรวงคมนาคมกำกับดูแลอัตราค่าโดยสารอากาศยานภายในประเทศให้มีการแข่งขันที่เป็นธรรมและสายการบินกำหนดอัตราค่าโดยสารที่เหมาะสมนั้น กระทรวงคมนาคมได้รายงานสถานการณ์ราคาบัตรโดยสารอากาศยานภายในประเทศว่า ความต้องการการเดินทางทางอากาศกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2565 ซึ่งเป็นช่วง High Season ของการท่องเที่ยว โดยปริมาณผู้โดยสารภายในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 85% และผู้โดยสารระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นถึง 53.89% ในขณะที่สายการบินไม่สามารถเพิ่มจำนวนที่นั่งได้ทันต่อความต้องการ เนื่องจากทุกสายการบินมีการลดขนาดฝูงบินเพื่อรักษากระแสเงินสดในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ประกอบกับปัจจุบันสายการบินทั่วโลกเร่งจัดหาอากาศยานพร้อมกัน ทำให้เกิดการแข่งขันในการจัดหาอากาศยานเพื่อให้บริการ นอกจากนี้ ราคาบัตรโดยสารการบินจะมีความแตกต่างกันตามช่วงเวลาที่ทำการซื้อ ดังนั้น หากผู้โดยสารทำการวางแผนการเดินทางล่วงหน้าจะสามารถซื้อบัตรโดยสารได้ในราคาถูก แต่ที่ผ่านมาผู้โดยสารมีพฤติกรรมในการจองบัตรโดยสารในช่วงใกล้วันเดินทางมากขึ้น ส่งผลให้ต้องซื้อบัตรโดยสารที่มีราคาแพงกว่าการจองล่วงหน้า สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล จึงมีแนวทางการกำกับดูแลอัตราค่าโดยสารให้เกิดความเป็นธรรมทั้งกับผู้โดยสารและสายการบิน ดังนี้ 1. สนับสนุนสายการบินในการเร่งเพิ่มจำนวนที่นั่งให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาค่าโดยสารภาพรวมลดลงได้ โดยดำเนินการ ดังนี้ (1) การเพิ่มจำนวนอากาศยานซึ่งในปัจจุบันสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยได้พิจารณาอนุญาตให้สายการบินเพิ่มจำนวนอากาศยาน ได้แก่ สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ ได้รับอนุญาตให้เพิ่มจำนวนอากาศยานแล้ว 7 ลำ สายการบินไทยเวียตเจ็ทแอร์อยู่ระหว่างการขออนุญาตเพิ่มอากาศยาน 3 ลำ การบินไทยขออนุญาตเพิ่มอากาศยาน 6 ลำและไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ขออนุญาตเพิ่มอากาศยาน 2 […]
อ่านเพิ่มเติม »

เงินเฟ้ออาร์เจนตินาพุ่งแตะ 104% ส่งผลประชาชนยากจนเพิ่มอีก 40% : อินโฟเควสท์เงินเฟ้ออาร์เจนตินาพุ่งแตะ 104% ส่งผลประชาชนยากจนเพิ่มอีก 40% : อินโฟเควสท์สำนักงานสถิติของอาร์เจนตินาเปิดเผยในวันศุกร์ (14 เม.ย.) ว่า อัตราเงินเฟ้อเมื่อเทียบเป็นรายปีของอาร์เจนตินาพุ่งขึ้นสู่ระดับ 104.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งนับเป็นหนึ่งในอัตราเงินเฟ้อที่สูงที่สุดในโลก โดยส่งผลกระทบต่อรายได้ของประชาชน และวิกฤตค่าครองชีพทำให้ความยากจนเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบเป็นรายเดือน เงินเฟ้อของอาร์เจนตินาอยู่ที่ 7.7% ในเดือนมี.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 7.1% และเป็นการปรับตัวขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2565 ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับรัฐบาลที่กำลังเผชิญกับความไม่พอใจของประชาชนก่อนการเลือกตั้งในเดือนต.ค.ปีนี้ เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อเงินเดือนและอำนาจในการใช้จ่ายของประชาชน ซึ่งทำให้ความจนพุ่งขึ้นเกือบ 40% และส่งผลกระทบต่อความนิยมของพรรคเพโรนิสต์ (Peronist) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ขณะที่การเลือกตั้งทั่วไปใกล้เข้ามา สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อาร์เจนตินาซึ่งเป็นประเทศส่งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลกกำลังเผชิญกับภัยแล้งครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อผลผลิตถั่วเหลือง, ข้าวโพดและข้าวสาลี โดยทำให้อาร์เจนตินาสูญเสียรายได้จากการส่งออกหลายพันล้านดอลลาร์ และราคาพืชผลในประเทศพุ่งสูงขึ้น ทั้งนี้ คะแนนนิยมของประธานาธิบดีอัลเบอร์โต เฟอร์นันเดซลดลงอยู่เหนือระดับ 20% เพียงเล็กน้อย ซึ่งเป็นผลจากภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ปธน.เฟอร์นันเดซยังไม่ได้ยืนยันว่าเขาจะลงเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 2 หรือไม่ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 เม.ย. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »



Render Time: 2025-03-24 19:59:17