นักวิจัยจีนชี้การบริโภค น้ำตาล เยอะเกินเอี่ยวหลาย ปัญหาสุขภาพ ข่าวสุขภาพ อินโฟเควสท์
คณะนักวิจัยจีนค้นพบว่า การบริโภคอาหารที่มีน้ำตาลเชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพไม่พึงประสงค์หลายประการ เช่น น้ำหนักเพิ่มขึ้น และโรคหลอดเลือดหัวใจ
แม้การศึกษามากมายจะมุ่งเน้นความสนใจไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคน้ำตาลกับผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่หลากหลาย ทว่าปัจจัยต่าง ๆ เช่น จุดตกหล่นในการออกแบบการศึกษา, การตรวจวัดผลที่แตกต่างกัน และผลการค้นพบอันไม่สอดคล้องล้วนทำให้การสรุปผลอย่างชัดเจนเป็นเรื่องยาก นักวิจัยจากโรงพยาบาลเวสต์ ไชน่าของมหาวิทยาลัยซื่อชวน ดำเนินการค้นหา, อนุมาน และวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากจากผลการวิจัยเชิงสังเคราะห์ที่ได้รับการเผยแพร่ และการวิเคราะห์อภิมานความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคน้ำตาลกับผลลัพธ์ด้านสุขภาพที่แตกต่างกัน โดยแหล่งข้อมูลของทีมวิจัยประกอบด้วยพับเมด , เอ็มเบส , เว็บ ออฟ ไซเอนซ์ , คอเครน ดาตาเบส ออฟ ซิสเทมมาติก รีวิวส์ และการค้นหารายการอ้างอิงเพิ่มเติม
นักวิจัยพบความเชื่อมโยงที่เป็นอันตรายอย่างมีนัยสำคัญระหว่างการบริโภคน้ำตาลกับผลลัพธ์ต่อต่อมไร้ท่อ/การเผาผลาญ 18 รายการ, ผลลัพธ์ต่อหัวใจและหลอดเลือด 10 รายการ, ผลลัพธ์ต่อมะเร็ง 7 รายการ และผลลัพธ์อื่นๆ 10 รายการ ภายหลังการวิเคราะห์บทความวิจัยที่เกี่ยวข้อง 8,601 ฉบับคณะผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าหลักฐานของความเชื่อมโยงที่เป็นอันตรายระหว่างเครื่องดื่มมีน้ำตาลกับการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว, น้ำตาลปรุงแต่งกับการสะสมไขมันผิดที่ , เครื่องดื่มมีน้ำตาลกับโรคอ้วนในเด็ก, เครื่องดื่มมีน้ำตาลกับโรคหลอดเลือดหัวใจ...
นักวิจัยแนะนำให้ปรับลดการบริโภคน้ำตาลจากกระบวนการแปรรูปหรือน้ำตาลปรุงแต่ง เหลือต่ำกว่า 25 กรัมต่อวัน และจำกัดการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลให้น้อยกว่าหนึ่งหน่วยบริโภคต่อสัปดาห์ พร้อมกล่าวว่า การผสมผสานการศึกษาด้านสาธารณสุขเข้ากับนโยบายต่าง ๆ ทั่วโลกเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน เพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบการบริโภคน้ำตาล โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรเด็กและวัยรุ่น
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
JMART ยอมรับแรงกดดัน SINGER-SGC ยังไม่จบรอลุ้นผลปรับโครงสร้างครึ่งปีหลัง ส่ง'สุกี้ตี๋น้อย' เข้าตลาดหุ้นต้นปี 67 : อินโฟเควสท์นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (JMART) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทหลังจากไตรมาส 1/66 พลิกขาดทุน 295 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าในช่วงไตรมาส 2/66 ผลการดำเนินงานจะยังมีแรงกดดันเข้ามาจากธุรกิจบมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER) และบมจ.เอสจี แคปปิตอล (SGC) ที่ยังคงมีผลกระทบจากทิศทางของ NPL ที่อยู่ในระดับสูง และมีการไหลของ NPL ที่ยังเห็นต่อเนื่องในไตรมาส 2/66 แต่มองว่าจะเริ่มเห็นผลกระทบของ SINGER และ SGC ลดลงหลังจากปรับโครงสร้างการบริหารงานใหม่ และปรับแผนการทำธุรกิจในการที่ควบคุมคุณภาพลูกหนี้ และลดต้นทุนมากขึ้น เพื่อแก้ไขสถานการณ์ของทั้ง SINGER และ SGC ให้กลับมาฟื้นขึ้น “ในช่วงที่ผ่านมาเราไม่เคยเจอสถานการ์แบบนี้เกิดขึ้น ก็เร่งแก้ปัญหาทั้ง SINGER และ SGC ให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งอาจจะใช้ระยะเวลาประมาณ 4 เดือน หลังจากปรับโครงสร้างใหม่ ทำให้ SGC และ SINGER กลับมาแข็งแกร่ง ซึ่งเหมือนกับฟุตบอลที่มีการเปลี่ยนโค้ชเข้ามาดูแล […]
อ่านเพิ่มเติม »
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดผสมผสาน นลท.จับตาผลเลือกตั้งตุรกี : อินโฟเควสท์ตลาดหุ้นยุโรปเปิดผสมผสานในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนในภูมิภาคจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของตุรกี ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดที่ระดับ 465.39 จุด ลดลง 0.10 จุด หรือ -0.02% โดยหุ้นส่วนใหญ่ขยับขึ้นเล็กน้อย หุ้นกลุ่มสินค้าภาคครัวเรือนและเหมืองบวก 0.6% ส่วนหุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์ลดลง 0.3% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดวันนี้ที่ 15,966.96 จุด เพิ่มขึ้น 53.14 จุด หรือ +0.33% และ ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดที่ 7,443.38 จุด เพิ่มขึ้น 28.53 จุด หรือ +0.38% ตุรกีต้องจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบสอง หลังจากที่ประธานาธิบดีเรเซป ตอยยิบ เออร์โดกัน ผู้นำตุรกีคนปัจจุบัน และนายเคมัล คิลิกดาโรกลู ผู้สมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคฝ่ายค้านต่างก็ไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หากไม่มีฝ่ายได้คะแนนเสียงถึง 50% ก็จะต้องจัดการเลือกตั้งรอบสอง โดยจะมีกำหนดจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ […]
อ่านเพิ่มเติม »
CV แจง Q1/66 พลิกขาดทุนรับผลส่งมอบงานหดมั่นใจผ่านจุดต่ำสุดแล้วเร่งขับเคลื่อนแผนงานหนุนโต : อินโฟเควสท์นายเศรษฐศิริ ศักดิ์สิทธิเสรีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โคลเวอร์ เพาเวอร์ (CV) เปิดเผยว่า ปี 2566 บริษัทฯ จะเร่งขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายเพื่อสร้างการเติบโตในทุกส่วนธุรกิจ ขณะที่โรงงานคัดแยกขยะและแปรรูปเชื้อเพลิง RDF ได้เปิดดำเนินการแล้วในต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คาดว่าจะสร้างรายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ช่วยสนับสนุนรายได้จากธุรกิจจัดหาเชื้อเพลิงเติบโตได้ดีในไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ยังแสวงหาโอกาสศึกษาการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับองค์กรและช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต ส่วนกลุ่มธุรกิจผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด (Wood Pellet) ประเมินว่าจะเห็นการฟื้นตัวในช่วงที่เหลือของปีนี้ภายหลังจากราคา Wood Pellet ปรับตัวลดลงเป็นอย่างมาก จากการอ้างอิงราคาถ่านหินที่ลดลงมา และกลุ่มธุรกิจวิศวกรรม (Value EPC) ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างเร่งส่งมอบงานโครงการภาครัฐได้ตามรอบ ทำให้มีการส่งมอบงานในไตรมาสแรกปีนี้ลดลง จึงส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 บริษัทฯ มีรายได้รวม 291 ล้านบาท และมีผลขาดทุน 43 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14.6 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมุ่งเน้นการส่งมอบงานโครงการก่อสร้างและเพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการต้นทุนเชื้อเพลิงที่ดีมากยิ่งขึ้น เชื่อว่าผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/66 ถึงจุดต่ำสุดแล้วและคาดว่าจะฟื้นตัวได้หลังจากนี้เป็นต้นไป […]
อ่านเพิ่มเติม »
ดัชนี SET ภาคบ่ายไหลร่วงกว่า 20 จุด รับแรงขายบิ๊กแคปกังวลตั้งรัฐบาล-นโยบายกระทบทุนใหญ่ : อินโฟเควสท์ตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายร่วงลงต่อไปเป็นกว่า 20 จุดหลังหลุดแนวรับ 1,550 รับผลกระทบทางจิตวิทยาระยะสั้น จากความไม่มั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่นำโดยพรรคก้าวไกล รวมทั้งกังวลผลกระทบจากนโยบายหาเสียงของพรรคแกนนำหลักที่จะจัดตั้งรัฐบาล ทำให้เกิดแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ฉุดภาพรวมตลาด นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยภาคบ่ายร่วงลงไปกว่า 20 จุด เนื่องจากนักลงทุนยังไม่แน่ใจในการเดินหน้าฟอร์มรัฐบาลใหม่ รวมถึงไม่แน่ใจในนโยบายของพรรคก้าวไกล โดยเฉพาะการยกเลิกนโยบายเอื้อนายทุนผูกขาด ส่งผลทำให้หุ้นกลุ่มทุนใหญ่วันนี้ปรับตัวลงแรง อย่างไรก็ตามมองการปรับตัวลงของดัชนีฯ เป็นเพียงจิตวิทยาระยะสั้นเท่านั้น โดยแนะให้ติดตามการจัดตั้งรัฐบาลว่าจะทำได้หรือไม่, ความชัดเจนของทีมเศรษฐกิจ, นโยบายที่จะรวมกันของ 2 พรรคก้าวไกลและเพื่อไทย เป็นต้น ให้แนวรับไว้ที่ 1,535-1,545 จุด และแนวต้าน 1,570 จุด โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
BAY มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 33.50-34.20 จับตาสูตรจัดตั้งรัฐบาล : อินโฟเควสท์กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.50-34.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 33.97 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 33.58-34.02 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบทุกสกุลเงินหลักในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตลาดกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก ส่วนการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐฯจะยุติการขึ้นดอกเบี้ยได้ถูกสะท้อนไปมากพอสมควรแล้ว ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือน เม.ย.ของสหรัฐฯเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่า 5% เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่รวมอาหารสดและพลังงานเพิ่มขึ้น 5.5% ชะลอลงจาก 5.6% ในเดือน มี.ค. ส่วนอัตราเงินเฟ้อในภาคบริการหลักที่ไม่รวมที่อยู่อาศัย(Super Core CPI)ซึ่งเป็นมาตรวัดสำคัญสำหรับประธานเฟดลดลงจากเดือนก่อนหน้าเช่นกัน โดยสัญญาล่วงหน้าดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯบ่งชี้โอกาสสูงกว่า 80% ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะคงดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 มิ.ย. อย่างไรก็ดี อัตราเงินเฟ้อยังห่างไกลจากเป้าหมาย 2% ของเฟด และเฟดส่งสัญญาณว่าไม่มีความจำเป็นต้องรีบผ่อนคลายนโยบายซึ่งขัดแย้งกับมุมมองของตลาดที่ว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยลงในเดือน ก.ย. ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสุทธิ 4,673 ล้านบาท […]
อ่านเพิ่มเติม »
S พร้อมผงาดสู่เป้าหมาย All-time High หลัง Q1/66 พลิกฟื้นเป็นกำไรรับนักท่องเที่ยวคึกคัก : อินโฟเควสท์นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สิงห์ เอสเตท (S) กล่าวว่า กำไรสำหรับไตรมาส 1/66 ที่ 71 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนปกติ 126 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังจากธุรกิจโรงแรมขยายตัวได้ดีจากการเปิดประเทศทั่วโลก สร้างรายได้จากการขายและให้บริการจำนวน 2,544 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลักดันจากยทั้ง 4 กลุ่มพอร์ตโฟลิโอโรงแรมที่บริษัทฯ เข้าลงทุน โดยเฉพาะผลประกอบการของโรงแรมในประเทศไทย ที่มีรายได้มากขึ้นกว่า 3 เท่าตัวจากระดับอัตราการเข้าพักในช่วงไตรมาสแรกของปีเฉลี่ยที่กว่า 88% และสามารถปรับอัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (Average Daily Rate: ADR) ได้เพิ่มขึ้นกว่า 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนเกิดโควิด-19 ปัจจัยดังกล่าวเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งธุรกิจโรงแรมของบริษัทซึ่งตั้งอยู่ในทำเลที่ดี และเป็นจุดมุ่งหมายในการเดินทางที่สำคัญของนักท่องเที่ยว หนุนด้วยผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของโรงแรมทั้ง 2 แห่งในโครงการ CROSSROADS ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลากหลายกลุ่มทั่วโลก ผลักดันให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยเติบโตกว่า 88% ด้วยระดับรายได้เฉลี่ยต่อห้อง (RevPAR) ที่สูงที่สุดตั้งแต่เปิดโครงการมา จากผลสำเร็จของกลยุทธ์ในการบริหาร RevPAR ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดร่วมกับการพัฒนาและปรับปรุงห้องพักเพื่อตอบสนองกระแสนิยมในการท่องเที่ยว โดยทิศทางของการท่องเที่ยวในไทยและมัลดีฟส์ […]
อ่านเพิ่มเติม »