ฟังเรื่องราวของแม่ลูกคู่นี้แล้ว ได้ข้อคิดอะไรดีๆ มาเยอะเลย ไทยรัฐออนไลน์
นนนี่ : ตอนนั้นพอเหมือนเรากำลังจะเรียนจบ ก็คือเหมือนเป็นปีสุดท้าย แล้วเราก็ไปเที่ยวกับเพื่อน ไปกินข้าว แล้วเขาก็เป็นเพื่อนของเพื่อนอีกทีหนึ่ง เขาก็เดินเข้ามาทักเพื่อนก็คุยกัน พอคุยกันก็ถูกใจ ก็เลยลองคบกันดู คบกันมาประมาณ 1 ปี
นนนี่ : ใช่ ตอนแรกที่เราตัดสินใจแต่งงาน ก็ตัดสินใจจะใช้ชีวิตอยู่ที่นู่นวางแผนไว้ทุกอย่างแล้วว่าเราจะเก็บเงินซื้อบ้าน พอเราเรียนจบรับปริญญาเรียบร้อยก็ไปเที่ยวกัน กลับมาก็จะหางานประจำทำที่ไม่ใช่งานในร้านอาหาร จะลองเริ่มหาเหมือนเริ่มวางรากฐานชีวิต แล้วพอกลับไป เราก็เริ่มห่างกันแล้ว เพราะว่าชีวิตส่วนใหญ่คือเขาอยู่ที่นู่นไปแล้ว แต่พอเราได้มาอยู่เรื่อยๆ เมืองไทยก็เริ่มดีขึ้นๆ เราก็เริ่มเจอคนมากขึ้น อยู่กับคุณแม่ก็สนุก อยู่ที่นี่ก็ไม่อยากกลับนนนี่ : ประมาณนั้นก็ได้ เพราะว่าเวลาที่นู่นมันห่างกัน 6 ชั่วโมง เราก็คงไม่ได้มานั่งรอถึงตีสี่ ตีห้า เพื่อจะคุยโทรศัพท์อยู่แล้ว เพราะชีวิตประจำวันก็เริ่มตื่นเช้าทุกวัน มีกิจกรรมกับคุณแม่บ้าง
แอน : มีบ้างนิดหน่อย ที่ช่วงแรกๆ อาจจะทำงานไม่ได้ดั่งใจในเรื่องของเอกสาร เพราะว่านนนี่เป็นคนทำงานเร็ว ทำงานคล่อง แต่ขาดความละเอียด จริงๆ เราก็เครียด ลึกๆ มีความสุขไหม เรามีความสุขมาก เพราะเรารู้สึกว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตระหว่างแม่ลูก ที่ได้อยู่ด้วยกัน