ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งหลังปี 2568 จะเผชิญความไม่แน่นอนสูงขึ้นจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายเศรษฐกิจหลัก อีกทั้ง ธปท. ยืนยันว่า อัตราดอกเบี้ยปัจจุบัน 2.25% ยังเหมาะสมกับสถานการณ์
ธปท. มอง เศรษฐกิจ ไทยครึ่งหลัง 'เสี่ยงสูง' ย้ำ อัตราดอกเบี้ย ปัจจุบันเหมาะสมกับ เศรษฐกิจ ไม่ฉุดและไม่รั้ง ชี้ การลด อัตราดอกเบี้ย มีต้นทุน (Cost) นั่นคือความเสี่ยงที่จะเสียกระสุนหรือ Policy Space ไป ย้ำความจำเป็นที่ ธปท. ต้องดำเนินนโยบายแบบพร้อมรับความเสี่ยงทั้งด้านบวกและลบ (Robust Policy)วันนี้ (6 มกราคม) ในงาน Monetary Policy Forum สักกะภพ พันธ์ยานุกูล ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.
) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปีจะเผชิญกับความไม่แน่นอนสูงขึ้น จากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ที่คาดว่าจะรุนแรงขึ้น และนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลักมีความไม่แน่นอนสูงขึ้น โดยเฉพาะสหรัฐฯ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ธปท. ยังไม่ได้รวมเข้าไปในประมาณการเศรษฐกิจพื้นฐาน (Baseline) เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนสูงทั้งนี้ ธปท. คาดว่าเศรษฐกิจไทยโดยรวมในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัว 2.9% โดยการขยายตัวยังมีความแตกต่างกันในแต่ละภาคส่วน กล่าวคือ แรงส่งต่อเนื่องจากภาคท่องเที่ยว อุปสงค์ในประเทศ และการส่งออกที่ได้รับผลดีจากวัฏจักรสินค้าเทคโนโลยี ขณะที่บางอุตสาหกรรมมีพัฒนาการแย่ลง โดยเฉพาะกลุ่มที่เผชิญการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นด้าน สุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ยืนยันว่า ภายใต้ความไม่แน่นอนที่สูงขึ้น ธปท. จำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินที่พร้อมรองรับเหตุการณ์ต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิด ที่อาจเกิดขึ้นช้าหรือเร็ว ที่อาจมีผลมากหรือน้อย หรือที่เรียกว่า Robust Policyหากเศรษฐกิจเป็นไปตามกรณีฐาน (ไม่มี Shock รุนแรง) การคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับปัจจุบัน 2.25% ยังสอดคล้องกับเสถียรภาพเศรษฐกิจการเงินในระยะสั้นและยาว แต่หากเกิดฉากทัศน์ที่ 2 หรือเกิด Shock รุนแรงในครึ่งปีหลัง ธปท. ก็ยังมีพื้นที่ให้สามารถปรับลดดอกเบี้ยได้ก็จะมีต้นทุน (Cost) นั่นคือการเสีย Policy Space ไป และเสถียรภาพทางการเงินอาจปรับด้อยลงในระยะยาว จากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับลดลง ขณะที่กระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ต่อ GDP (Debt Deleveraging) ก็ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในกรณีที่เกิดฉากทัศน์ที่ 2 หรือเกิด Shock รุนแรงในครึ่งปีหลัง การลดดอกเบี้ยอาจเกิดประโยชน์อย่างจำกัด เนื่องจากประสิทธิผลอาจถูกทอนลงในช่วงที่ความไม่แน่นอนยังไม่คลี่คลา
ธปท. เศรษฐกิจไทย อัตราดอกเบี้ย ความไม่แน่นอน 2.25%
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
แบงก์ชาติเตรียมสำรองเงินสด 80,000 ล้านบาทรองรับเทศกาลปีใหม่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมสำรองเงินสด 80,000 ล้านบาท เพื่อรองรับความต้องการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ธปท. ได้เตรียมสำรองธนบัตรชนิดราคาต่าง ๆ ไว้อย่างเพียงพอ เพื่อให้มั่นใจว่าประชาชนจะได้รับบริการที่สะดวกและทั่วถึง
อ่านเพิ่มเติม »
ครม. เคาะกรอบเงินเฟ้อปี 68 ที่ 1-3% ปักธงค่ากลาง 2%ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ปี 2568 ที่ระดับ 1-3% โดยให้กระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร่วมมือประคับประคองเศรษฐกิจ ให้อัตราเงินเฟ้อ มุ่งสู่ค่ากลางที่ 2% พร้อมกำชับดูแลอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อช่วยหนุนขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย
อ่านเพิ่มเติม »
เผ่าภูมิ ชี้ คลัง-ธปท. ต้องประสานดันเงินเฟ้อปี 68 พุ่ง 2%นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวถึงกรณีที่ ครม. เห็นชอบกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อปี 2568 1-3% พร้อมข้อตกลงร่วมระหว่างคลัง-ธปท.ใช้กลไกดูแลเศรษฐกิจให้เงินเฟ้อทรงตัว 2%
อ่านเพิ่มเติม »
'พิชัย' เร่งเลือก ปธ.แบงค์ชาติคนใหม่ ชูลดดอกเบี้ยกระตุ้นเศรษฐกิจพิชัย ชุณหวชิร เร่งคณะกรรมการสรรหาเคาะประธานบอร์ด ธปท. คนใหม่ หวังลดดอกเบี้ยแก้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า พร้อมหารือทุกฝ่ายกำหนดทิศทางเศรษฐกิจปี 2568 เน้นความเชื่อมั่นและการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้น
อ่านเพิ่มเติม »
คณะรัฐมนตรี นัดส่งท้ายปี67: 'แรงงาน'ชงมติบอร์ดไตรภาคี ขึ้นค่าแรง 400 ใน4 จังหวัดคณะรัฐมนตรี นัดส่งท้ายปี 2567 มีวาระสำคัญหลายเรื่อง เช่น เตรียมเสนอกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินปี 2568,เสนอกรอบการคลังระยะปานกลาง 2568 - 2571,เสนอมาตรการของขวัญปีใหม่ 2568 เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ,เสนอการเพิ่มวัตถุประสงค์การออกสลากการกุศล,เสนออนุสัญญาระหว่างไทยและประเทศอื่นเพื่อขจัดภาษีซ้อน,และเสนอมติที่ประชุมคณะกรรมการไตรภาคีในการกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568
อ่านเพิ่มเติม »
เลื่อนบังคับใช้ประกาศหลักเกณฑ์การจ่าย “มะเร็งรักษาทุกที่” ฉบับใหม่สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ประกาศเลื่อนวันบังคับใช้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์การจ่ายค่าใช้จ่ายตามโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ฉบับใหม่ ซึ่งเดิมกำหนดบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ออกไปเป็นวันที่ 1 เมษายน 2568 เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการรักษาโรคมะเร็งได้เต็มที่ โดยระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2568 - 31 มีนาคม 2568 หน่วยบริการยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิมในการเบิกจ่ายค่าใช้จ่าย
อ่านเพิ่มเติม »