ถ้าเทียบความเสียหายทางเศรษฐกิจแล้ว ร้ายแรงกว่าหลายเท่า ร้ายแรงกว่าต้มยำกุ้ง ค่าเงินบาท หรือสงครามการค้าใดๆ คาบลูกคาบดอก ไทยรัฐออนไลน์
แต่จะสนใจว่าใครจะเข้ามาแก้ปัญหาไวรัสโควิด ปัญหาปากท้อง ไปจนถึงเศรษฐกิจระดับมหภาคได้สำเร็จ ตรงนี้จึงจะเรียกว่า เป็นการเมืองวิถีใหม่ จริงๆจะใช้ ทหารนำการเมือง หรือ การเมืองนำเศรษฐกิจ ไม่ได้อีกต่อไป แน่นอนว่าถ้าคิดแบบ มาตรฐานการเมืองแบบไทยๆ ใครอยากเป็น ส.ส. ใครอยากเป็นรัฐบาล ใครอยากเป็นนายกฯก็เอาเงินซื้อเอา ใช้อำนาจรัฐปล้นชัยชนะมาได้อย่างสบายๆ
ก็ต้องไม่ลืมปัญหาที่จะตามมา เช่น ในปัจจุบันบริหารงานไม่ได้ บ้านเมืองไม่สงบ ไม่มีเสถียรภาพ มีการต่อรองผลประโยชน์กันอยู่ตลอดเวลา ต้องใช้เงินซื้อ ไม่รู้จักจบสิ้น ท้ายที่สุดเกิดปัญหาเศรษฐกิจ ข้าวยากหมากแพง ไม่มีเงินจะซื้อเสถียรภาพของรัฐบาลต่อไป หาทางลงไม่เจอ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์เดินทางครึ่งทางแล้ว ส่วนดีก็มี ส่วนไม่ดีก็มี ในฐานะที่คนไทยรักสงบ อะไรยอมกันได้ก็ยอม เหลือเวลาอีกครึ่งทาง จะเป็นการวัดภาวะผู้นำ ระยะทางพิสูจน์ม้า เวลาพิสูจน์คน พร้อมจะไปต่อหรือไม่
ระบอบประชาธิปไตย เริ่มต้นจากประชาชนก็ย่อมจะจบที่ประชาชนอยู่ดี ไม่ว่าจะพลิกแพลงอย่างไร ก็ต้องมีการเลือกตั้ง จะแก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องมีการเลือกตั้ง หรือแม้แต่จะเกิดการยึดอำนาจอีกกี่ครั้งการที่จะรักษาอำนาจเอาไว้ได้อีกนานแค่ไหน ไม่ใช่แค่การสร้างภาพลวงตา ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ชาวบ้านจะตาสว่าง ยิ่งไม่สามารถพิสูจน์ผลงานและฝีมือให้โดนใจ มัดใจชาวบ้านเอาไว้ ก็จะเดินต่อไปได้ยาก
ใครจะชูสามนิ้ว ใครจะจบที่รุ่นเรา จะม็อบไหนๆ ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วยก็เท่านั้น รัฐไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการรุนแรงใดๆด้วยซ้ำ ยิ่งใช้พระคุณมากเท่าไหร่ ยิ่งได้คะแนนจากชาวบ้านมากเท่านั้น