ถึงฉันจะโดดเดี่ยว แต่ก็ยังอยากอยู่คนเดียวอยู่ดี (Het verangen van de egel) “ความเหงาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา...แต่จะมีใครสักกี่คนที่จะเข้าใจมันอย่างแท้จริง” สยามรัฐ สยามรัฐออนไลน์ siamrath siamrathonline ข่าววันนี้
“ในเนื้อในของชีวิต ความเหงามักจะแทรกลึกสร้างบาดแผลทางความรู้สึกแก่หัวใจของเราเสมอ...มันอาจคือสัญชาตญาณแห่งความหวาดวิตกที่ฝังลึกหรือกระทั่งเป็นความไร้สติของจิตวิญญาณที่ไร้สาระ...ทั้งหมดย่อมเกิดขึ้นได้ในรูปรอยของความเป็นตัวตน เป็นภาพร่างของสำนึกคิดที่ติดตรึงอันยากจะสลัดหลุด หลายๆขณะมันคือชนวนระเบิดแห่งความทุกข์เศร้า แต่อีกหลายๆขณะมันก็เป็นเพียงเรื่องชวนหัวที่สมควรสลัดทิ้ง..แต่ทุกสิ่งอันบังเกิดขึ้นจากความเป็นไปในมิตินี้ ก็คือผลลัพธ์อันยอกย้อนเกินกว่าจะพิพากษาออกมา..
เรื่องราวของ “เม่นแคระ” ขี้เหงาตัวหนึ่ง...ที่แม้จะรู้สึกโดดเดี่ยว แต่ก็ตัดสินใจที่จะเลือกอยู่โดยลำพัง จนวันหนึ่งเขานึกอยากจะชวนสัตว์อื่นไปมาเที่ยวบ้านก็เลยเริ่มเขียนจดหมายเชิญ แต่ทว่าเขากลับกังวลไปต่างๆนานา...จนไม่อาจส่งจดหมายเชิญนั้น ออกไปถึงใครได้เสียที.. “ความสุขของผู้ที่ชอบอยู่ตามลำพังนั้น..อาจเป็นเพียงการได้ใช้ความคิดเงียบๆกับตัวเองในห้องใดห้องหนึ่ง ท่ามกลางสังคมอันสลับซับซ้อนและวุ่นวาย..เท่านั้นเอง” ความคิดที่จะเชิญใครๆมาเยี่ยมที่บ้านของเม่นแคระ เต็มไปด้วยแผนการ เขาไม่รู้สึกวางใจใคร นั่นจึงทำให้ความไม่จริงใจเกิดขึ้นในใจเขาอย่างท่วมท้น..มันไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้สัมพันธภาพเกิดขึ้นมาอย่างงดงามและบริสุทธิ์ได้...ลักษณาการและเจตจำนงของเม่นเเคระจึงคล้ายกับ"คนเจ้าเล่ห์" ที่มีแต่ตัวตนหลงสับสนอยู่ในตัวตนอันพร่ามัวของตนเพียงนั้น..
“ห้องสำหรับฉันเท่านั้น ห้ามเคาะ ห้ามเข้าไปข้างใน”..เม่นแคระ..เขาคิดว่า ..เขาจะหลบไปพักใจอยู่ในนั้นได้ เขาจะเจาะรูเล็กๆบนผนังเผื่อมองดูผู้มาเยี่ยมเยือนได้..บางทีพวกนั้นทุกตัวอาจจะยืนอยู่ในห้องรับแขก และต่างก็ถามกันว่า.. “เม่นแคระอยู่ที่ไหนกันแน่ เรามาเยี่ยมเขาแล้วไม่ใช่หรือไง..เขาไม่ได้อยู่อาศัยที่นี่หรอกเหรอ”
ลักษณะและทัศนคติอันคับแคบของเจ้า “เม่นแคระ” ดูไม่เป็นคุณต่อโลกแห่งชีวิตของเขาเลย มันวกวนอยู่กับการปิดกั้นจิตใจและวิถีแห่งตัวตนของตน จนกลายกลับเป็นชีวิตที่ไม่ก้าวหน้า และ จริงใจกับใคร..มันจึงเป็นรากฐานของคนที่จมปลักกับตัวเอง ไร้สังคม และ สญสิ้นสัมพันธภาพอันเบิกบาน การครุ่นคิดเวียนวนอยู่กับอัตตาของตัวเอง เท่ากับเป็นการปิดกั้น โลกทัศน์และชีวทัศน์ เอาไว้กับความมืดมนอย่างน่าเสียดาย..และนั่นคือชะตากรรมอันจำยอม ที่ชีวิตจำต้องดิ้นรนเพื่อจะเรียนรู้ถึงการหลุดพ้นอย่างจริงจังแท้จริง..
แล้วเขาก็จินตนาการเหมือนที่เขาทำอยู่บ่อยๆว่าเขาไม่มีหนาม เขาเป็นสัตว์ชนิดเดียวในโลกที่ไม่มีหนาม สัตว์บางตัวหนีไปด้วยความกลัว บางตัวก็คุกเข่าลงเอามือปิดหน้าแล้วกระซิบว่า.. “เม่นแคระ เธอจะทำอะไรกับพวกเรา” ไม่มีใครเข้ามาใกล้..ต่างพากันบอกว่าไม่รู้จะทำอย่างไรกับเขาดี เขารู้สึกต่ำต้อย และไร้พลังกับหนามประหลาดเหล่านั้นของตนเอง แล้วสัตว์ทั้งหมดก็หายเข้าไปในป่า แม่น้ำ และ คลานลงไปในดิน.. เขาสัมผัสหลังตัวเองอย่างระมัดระวัง “ฉันมีหนามนี่นา” เขาอยากตะโกนตามหลังสัตว์เหล่านั้นไป..