ตามคาด เฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% จัดเต็มสกัดเงินเฟ้อ กดอ่าน
22 ก.ย. 2565 – สำนักข่าว รอยเตอร์ รายงานว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐ มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% อยู่ที่ 3.00-3.25% โดยปรับไปตามคาดการณ์ของตลาด
พร้อมกันนี้เฟดส่งสัญญาณว่าจะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1.25% ในการประชุมที่เหลืออีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งทำให้ดอกเบี้ยนโยบายของเฟดจะอยู่ที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยคาดการณ์ใหม่ของเฟด จะทำให้ดอกเบี้ยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 4.25%-4.50% และสิ้นปีหน้า อยู่ที่4.50%-4.75%
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ทองคำนิวยอร์กร่วง 7.1 ดอลล์ ปิดที่ 1,671.1 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (20 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75%
อ่านเพิ่มเติม »
ราคาน้ำมัน WTI ร่วง 1.2% ปิดที่ 82.94 ดอลล์ กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยฉุดดีมานด์สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (21 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
อ่านเพิ่มเติม »
ดาวโจนส์ทรุด 522 จุด หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25%ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันพุธ (21 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% และยืนยันว่าจะเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปจนถึงปี 2566 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ
อ่านเพิ่มเติม »
หุ้นวันนี้ดาวโจนส์ 22 ก.ย.65 ปิดร่วง 522.45 จุด หลังเฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75%วันนี้ (22 ก.ย. 65) ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันพุธ (21 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.75% และยืนยันว่าจะเดินหน้าปรับขึ้
อ่านเพิ่มเติม »
เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ตามคาด สู่ระดับ 3.00-3.25%เฟดประกาศขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ยังส่งสัญญาณว่าจะยังคงปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปจนแตะระดับ 4.4% ในช่วงสิ้นปีนี้ และ 4.6% ในปีหน้า (2566)
อ่านเพิ่มเติม »