ตลาดหุ้นเอเชียเปิดไร้ทิศทาง หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐพุ่งกดดันราคาหุ้น ตลาดหุ้น ตลาดหุ้นเอเชีย อินโฟเควสท์
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดไร้ทิศทางในวันนี้ เนื่องจากผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่พุ่งสูงขึ้นกดดันราคาหุ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ ของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA ในวันอังคาร เนื่องจากสถานะการคลังของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ระบบธรรมาภิบาลอ่อนแอลง และภาระหนี้สินโดยรวมของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,671.13 จุด เพิ่มขึ้น 250.26 จุด หรือ +1.29% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,296.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.63 จุด หรือ +0.48% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 32,019.06 จุด ลดลง 140.22 จุด หรือ -0.44% ไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอลระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ ภาคบริการเดือนก.ค.ของจีนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 54.1 จากระดับ 53.9 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลงสู่ระดับ 52.5นายโทนี ไซคามอร์ นักวิเคราะห์ตลาดจากบริษัท IG ระบุว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 30 ปี ปรับตัวขึ้น 0.14% สู่ 4.30% ทำให้เคลื่อนตัวใกล้ระดับสูงสุดของเดือนต.ค. 2565 ที่ 4.42%
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางออสเตรเลีย ซึ่งจะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุผลในการตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.1% สวนทางการคาดการณ์เมื่อวันอังคาร ดัชนีหลักทั้ง 3 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัสบดี โดยดัชนี S&P500 ลดลง 0.25% ส่วนดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลบ 0.19% และดัชนี Nasdaq Composite ขยับลง 0.1%
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เงินเฟ้อของเกาหลีใต้แตะระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือนในเดือนก.ค. : อินโฟเควสท์สำนักสถิติเกาหลีใต้เปิดเผยข้อมูลในวันนี้ (2 ส.ค.) ว่า การขยายตัวของราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ชะลอตัวเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันในเดือนก.ค. แตะที่ระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือน เนื่องจากราคาน้ำมันลดลง ข้อมูลระบุว่า ราคาผู้บริโภคซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้น 2.3% เมื่อเทียบรายปีในเดือนก.ค. ซึ่งชะลอลงจากระดับที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนมิ.ย. ในเดือนมิ.ย. อัตราเงินเฟ้อลดลงต่ำกว่า 3% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2564 อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวนนั้น เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนก.ค. ลดลงจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนมิ.ย. สำนักข่าวยอนฮัปรายงานว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ได้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนตั้งเดือนก.พ. เนื่องจากมีสัญญาณเพิ่มขึ้นว่าอัตราเงินเฟ้อลดลงและเศรษฐกิจชะลอตัวเนื่องจากการส่งออกซบเซาและการบริโภคในประเทศอ่อนแอลง ทั้งนี้ คาดว่า BOK จะค่อย ๆ ผ่อนคลายนโยบายการเงินหลังจากคุมเข้มมานานหลายปี นอกจากนี้ BOK คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้จะขยายตัว 1.4% ในปี 2566 ชะลอลงจากการขยายตัว 2.6% ในปีที่แล้ว และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 3.5% ในปีนี้ […]
อ่านเพิ่มเติม »
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ หลังฟิทช์หั่นเครดิตสหรัฐเหลือ AA+ : อินโฟเควสท์ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบในวันนี้ (2 ส.ค.) หลังฟิทช์ เรทติ้งส์ปรับลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating) ของสหรัฐลงสู่ระดับ AA+ จากระดับ AAA ในวันอังคาร (1 ส.ค.) เนื่องจากสถานะการคลังของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะถดถอยลงในช่วง 3 ปีข้างหน้า ขณะที่ระบบธรรมาภิบาลอ่อนแอลง และภาระหนี้สินโดยรวมของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดภาคเช้าที่ระดับ 19,902.77 จุด ลดลง 108.35 จุด หรือ -0.54% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,281.86 จุด ลดลง 9.09 จุด หรือ -0.28% และดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 33,123.12 จุด ลดลง 353.46 จุด หรือ -1.06% นายโทนี ไซคามอร์ นักวิเคราะห์ตลาดจากบริษัท IG ระบุว่า กรณีที่ฟิทช์ลดอันดับความน่าเชื่อถือสหรัฐครั้งนี้จะทำให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ซึ่งหมายความว่าจะมีการลงทุนในหุ้นลดลงในเอเชีย และการแห่ลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างพันธบัตรรัฐบาลและสกุลเงินต่าง […]
อ่านเพิ่มเติม »
เงินบาทเปิด 34.35 อ่อนค่าจากเย็นวันจันทร์ ตลาดจับตาสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยจากกนง.วันนี้ : อินโฟเควสท์นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 34.35 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าจาก ปิดตลาดเมื่อเย็นวันจันทร์ที่ระดับ 34.20 บาท/ดอลลาร์ โดยดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักเนื่องจากได้รับแรงหนุนจากบ อนด์ยีลด์ที่สูงขึ้น ทั้งที่ตัวเลขดัชนี ISM ออกมาต่ำกว่าคาด และฟิทช์ลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ส่วนปัจจัยในประเทศน่าจะมีแรงหนุนจากผู้นำเข้าทองคำ หลังราคาในตลาดโลกลดลงกว่า 30 ดอลลาร์/ออนซ์ ขณะที่การ ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คาดว่าจะมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% แต่ต้องรอดูว่าจะส่งสัญญาณเรื่องทิศ ทางดอกเบี้ยในอนาคตอย่างไร “บาทอ่อนค่าจากเย็นวันจันทร์ ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก นักลงทุนอาจปรับพอร์ตหลังดอลลาร์อ่อนค่าเร็วเกิน ไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ออกมาไม่ค่อยดี” นักบริหารเงิน กล่าว นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 34.20 – 34.50 บาท/ดอลลาร์ * ปัจจัยสำคัญ – เงินเยนอยู่ที่ระดับ 143.11 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันจันทร์ที่ระดับ 142.40/50 เยน/ดอลลาร์ – เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.0993 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันจันทร์ที่ระดับ 1.1020/1030 ดอลลาร์/ยูโร […]
อ่านเพิ่มเติม »
IMF ชี้เงินเฟ้อยังเป็นความเสี่ยงต่อตลาดการเงิน แบงก์ชาติตรึงดบ.สูงนานกว่าคาด : อินโฟเควสท์กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุผ่านเว็บไซต์ว่า ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ อาจคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงไว้นานกว่าที่คาดการณ์กันในปัจจุบัน เมื่อพิจารณาจากการที่นักลงทุนคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อที่ระดับต่ำ และคาดว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปหรือซอฟต์ แลนดิ้ง (soft landing) ซึ่งการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงดังกล่าวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงิน และถ่วงการเติบโตทางเศรษฐกิจ รายงานที่เขียนโดยนายโทเบียส เอเดรียน นายฟาบิโอ นาตาลุกซี และนายเจสัน วู ระบุว่า เงินเฟ้อโดยรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาในสหรัฐและยูโรโซน เนื่องจากราคาพลังงานและอาหารลดลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงาน ลดลงช้ากว่า และเงินเฟ้อในภาคบริการแทบไม่ลดลง ข้อมูลจากการคาดการณ์ของตลาดระบุว่า กลุ่มนักลงทุนคาดการณ์ว่า เงินเฟ้อทั่วไปจะลดลงค่อนข้างเร็วแบบต่อเนื่องตลอดช่วงหลายไตรมาสข้างหน้า อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนยังคงเห็นความเสี่ยงขาขึ้นของทิศทางเงินเฟ้อ ซึ่งน่าจะสะท้อนถึงภาวะที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วงไม่นานมานี้ ทั้งนี้ การคาดการณ์จากตราสารสิทธิเงินเฟ้อ (inflation option) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยปกป้องผู้ถือจากการที่เงินเฟ้อสูงขึ้นหรือลดลงจากระดับปัจจุบันนั้นแสดงให้เห็นว่า มีโอกาสสูงที่เงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นในยุโรป โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ระดับ 2% หรือยังคงอยู่ที่ประมาณ 4% ส่วนในสหรัฐนั้น นักลงทุนคาดการณ์ค่อนข้างสูงว่า เงินเฟ้อจะยังคงอยู่เหนือเป้าหมายที่ประมาณ 3% ขณะเดียวกัน ภาวะการเงินผ่อนคลายลงอย่างชัดเจนในสหรัฐและยูโรโซนในช่วงหลายไตรมาสที่ผ่านมา แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) […]
อ่านเพิ่มเติม »
BM ครึ่งปีหลังโดดเด่นรับไฮซีซั่นเร่งขยายโอกาสลงทุนกับพันธมิตรรายใหญ่ในจีน : อินโฟเควสท์นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอกชีทเม็ททัล (BM) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/66 คาดว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องใกล้เคียงกับไตรมาส 1/66 ที่มีรายได้รวม 312.95 ล้านบาท โดยบริษัทมั่นใจว่าการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลังจะเติบโตโดดเด่นมาก โดยเฉพาะไตรมาส 4/66 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น (High Season) การดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลัง บริษัทจะเร่งขยายธุรกิจตามแผนที่กำหนด โดยเฉพาะด้านการส่งออกที่คาดว่าจะสามารถเติบโตเพิ่มขึ้นได้อีกเป็นเท่าตัว จากการเปิดโรงงานใหม่ในพื้นที่เขตปลอดอากร (Free Zone) คาดว่าจะเปิดเดินเครื่องการผลิตได้ภายในไตรมาส 3 รวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ การเดินหน้าประมูลงานในส่วนงานภาครัฐที่รอการเปิดประมูลโครงการใหม่ที่คาดว่าเริ่มกลับมาคึกคักในช่วงปลายปี รับการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การเร่งเติมกำลังการผลิตตู้งานแบบต่าง ๆ ให้สอดรับกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยหนุนให้บริษัทมีคำสั่งซื้อในมือ (Backlog) ล่วงหน้า ตลอดจนการผลิตตู้งานใหม่ “ตู้โลหะสำหรับระบบโซลาร์ฟาร์ม” ให้กับพันธมิตรธุรกิจรายใหญ่จากประเทศจีน “ในครึ่งปีแรก บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้ดี จากการผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็กใน 6 กลุ่มสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มงานผลิตตู้โลหะ กลุ่มงานรางและท่อร้อยสายไฟฟ้าที่เติบโตได้ดี โดยเชื่อมันว่าช่วงที่เหลือของปี BM จะได้รับงานจากกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการแสวงหาโอกาสการลงทุนในตลาดใหม่ ๆ ร่วมกันกับพันธมิตร เพิ่มโอกาสสร้างการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ หนุนยอดขายโตแกร่งและสร้างรายได้นิวไฮรอบใหม่ แตะ […]
อ่านเพิ่มเติม »
'ทรัมป์' ถูกฟ้องคดีอาญา 4 กระทง ปมพยายามล้มผลเลือกตั้งปธน.ปี 2563 : อินโฟเควสท์นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐถูกฟ้องร้องในคดีอาญา 4 กระทงเมื่อวันอังคาร (1 ส.ค.) ในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับความพยายามเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2563 ให้กลายเป็นโมฆะ กรณีล่าสุดนี้นับเป็นการฟ้องร้องในคดีอาญาครั้งที่ 3 ต่อนายทรัมป์ นับตั้งแต่พ้นจากตำแหน่งผู้นำสหรัฐเมื่อเดือนม.ค. 2564 แต่อย่างไรก็ตาม เขายังคงเป็นตัวเต็งในการท้าชิงตำแหน่งผู้แทนพรรครีพับลิกันในการลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567 คณะลูกขุนใหญ่เป็นผู้ยื่นฟ้องร้อง 4 ข้อหาดังกล่าวได้แก่ สมรู้ร่วมคิดในการหลอกลวงประเทศชาติ, สมรู้ร่วมคิดในการขัดขวางการดำเนินการของรัฐ, ขัดขวางและพยายามขัดขวางการดำเนินการของรัฐ และสมรู้ร่วมคิดในการต่อต้านสิทธิ ในเอกสารคำฟ้อง 45 หน้า เกริ่นด้วยการประเมินพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนายทรัมป์ภายหลังการเลือกตั้ง โดยระบุว่า “แม้ว่าจะพ่ายแพ้ แต่จำเลยก็ยังดึงดันที่จะอยู่ในอำนาจต่อไป” คำฟ้องยังกล่าวหาว่า นายทรัมป์ได้ออกปราศรัยทางการเมืองนานกว่า 2 เดือนหลังจากการเลือกตั้ง ซึ่งเขาได้เผยแพร่คำโกหกว่า “มีการโกงเพื่อกำหนดผลเลือกตั้ง” และกล่าวว่าตัวเขานั้นคือผู้ชนะที่แท้จริง แม้ว่าเขาจะทราบดีว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีมูลความจริง “การโจมตีอาคารรัฐสภาของประเทศเราเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 นั้น นับเป็นการโจมตีสถาบันในระบอบประชาธิปไตยของอเมริกา ชนิดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” นายแจ็ค สมิธ อัยการพิเศษกล่าวในการแถลงข่าว “เหตุการณ์นั้นถูกปลุกระดมโดยคำโกหกของจำเลยที่มีเป้าหมายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ที่สำคัญของรัฐบาลสหรัฐ” สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว นายทรัมป์โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า ได้รับหนังสือแจ้งจากนายสมิธที่ระบุว่า […]
อ่านเพิ่มเติม »