ตลาดหุ้นยุโรป เปิดบวก ถ้อยแถลงพาวเวลปลุกความมั่นใจนักลงทุน อินโฟเควสท์
ตลาดหุ้นยุโรปเปิดบวกในวันนี้ และพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ โดยนักลงทุนขานรับสัญญาณในเชิงบวกจากถ้อยแถลงล่าสุดของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ที่คาดว่าเงินเฟ้อจะชะลอตัวในปีนี้ แม้การต่อสู้กับเงินเฟ้อจะยังคงใช้เวลานาน เนื่องจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐ
ดัชนี STOXX 600 เปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 459.54 จุด เพิ่มขึ้น 1.35 จุด หรือ +0.29% หุ้นทุกกลุ่มต่างปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งดีดตัวขึ้น 1.3% ในขณะที่หุ้นกลุ่มเคมีภัณฑ์และวัสดุต่างปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีเปิดวันนี้ที่ 15,450.67 จุด เพิ่มขึ้น 129.79 จุด หรือ +0.84% และดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสเปิดวันนี้ 7,181.58 จุด เพิ่มขึ้น 49.23 จุด หรือ +0.69%
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างคึกคัก โดยหุ้นของลินเดอ บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.86% ในขณะที่หุ้นอีควินอร์ บริษัทพลังงานนอร์เวย์ ดีดขึ้น 6.50% ส่วนหุ้นเนสเต บริษัทโรงกลั่นน้ำมันของฟินแลนด์ พุ่งขึ้นถึง 12% หลังเปิดตลาดไม่นาน
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ข่าวจริง! ห้ามร้านใช้เตาแก๊สกระป๋องบนโต๊ะอาหาร โทษปรับไม่เกิน 5 หมื่น : อินโฟเควสท์ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ ในประเด็น “ห้ามร้านบุฟเฟต์ใช้เตาแก๊สกระป๋องบนโต๊ะอาหาร ผิดกฎหมาย มีโทษปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท” ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข พบว่า ประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลจริง โดยกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ออกกฎกระทรวง สุขลักษณะของสถานที่จำหน่ายอาหาร พ.ศ. 2561 โดยบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค. 61 ในเรื่องการควบคุมสุขลักษณะสถานที่ขาย ข้อ 17 ห้ามใช้ก๊าซหุงต้มเป็นเชื้อเพลิงในการปรุงอาหารบนโต๊ะ หรือที่รับประทานอาหาร หากสถานที่จำหน่ายอาหารฝ่าฝืนกฎกระทรวง ซึ่งออกตามความในมาตรา 6 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท นอกจากนี้ กฎหมายท้องถิ่นได้ออกข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง สถานที่จำหน่ายอาหารและสถานที่สะสมอาหาร พ.ศ. 2545 ข้อ 9 (10) ห้ามใช้ก๊าซเป็นเชื้อเพลิงในการทำ ประกอบ ปรุงอาหาร บนโต๊ะรับประทานอาหารในสถานที่จำหน่ายอาหาร หากสถานที่จำหน่ายอาหารฝ่าฝืนข้อบัญญัติท้องถิ่น ซึ่งออกตามความในมาตรา 40 (6) ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกิน 25,000 […]
อ่านเพิ่มเติม »
โทษหนัก! พกบุหรี่ไฟฟ้าติดคุก 5 ปี ปรับ 4 เท่าของราคาสินค้า : อินโฟเควสท์สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ยืนยันว่า การครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า มีความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย โทษหนักคุก 5 ปี ปรับเงิน 4 เท่า ของราคาสินค้า บุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร ดังนั้น ผู้ครอบครองหรือรับฝากไว้จะมีความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ ดังมีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2564 นอกจากนี้ เมื่อบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าต้องห้าม แม้จะไม่มีเจตนาหรือไม่รู้ว่าเป็นของมีความผิด ก็ต้องถูกริบให้ตกเป็นของแผ่นดินและนำไปทำลายตามกฎหมายของศุลกากร สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีนโยบายดำเนินคดีกับผู้ลักลอบจำหน่าย หรือให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า บารากู่ หรือบารากุไฟฟ้าอย่างเด็ดขาดทุกราย – สำหรับกรณีผู้ขาย หรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีคำสั่งที่ 9/2558 เรื่อง […]
อ่านเพิ่มเติม »
เหยื่อแผ่นดินไหวในตุรกี-ซีเรียดับทะลุ 670 ราย คาดยอดตายยังพุ่ง : อินโฟเควสท์สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานข้อมูลล่าสุดในวันนี้ (6 ก.พ.) ว่า แผ่นดินไหวรุนแรง 7.9 แมกนิจูดที่ตุรกีส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 670 ราย ทั้งในตุรกีและซีเรีย สถานีโทรทัศน์ของซีเรียรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตในซีเรียมีอย่างน้อย 386 ราย และมีผู้บาดเจ็บ 648 ราย ในภูมิภาคอเลปโป, ฮามา, ลาตาเกีย และทาร์ทัส กลุ่มหมวกขาว (White Helmet) หรืออาสาสมัครกองกำลังคุ้มครองพลเมืองในซีเรีย กล่าวว่า พบศพผู้เสียชีวิต 147 ราย บาดเจ็บอีก 340 ราย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย ทางด้านนายฟูอัต อ็อกเตย์ รองประธานาธิบดีตุรกี กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตในตุรกีอย่างน้อย 284 ราย และมีผู้บาดเจ็บมากกว่า 2,323 ราย โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.พ. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: 'เรี่ยวแรง' ยกครัวซบ ภท.สู้ศึกเลือกตั้งชิงพื้นที่นนทบุรี : อินโฟเควสท์“เรี่ยวแรง” ยกครอบครัวซบภูมิใจไทย สู้ศึกเลือกตั้ง หวังชิง ส.ส.พื้นที่นนทบุรี “เสี่ยหนู” มั่นใจคนเมืองนนท์อ้าแขนรับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมด้วย นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และ นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค ให้การต้อนรับครอบครัวเรี่ยวแรง ได้แก่ นายฉลอง เรี่ยวแรง อดีต ส.ส.พลังประชารัฐ, นางเจริญ เรี่ยวแรง อดีตสมาชิกสภา อบจ.นนทบุรี และ น.ส.ปารมี เรี่ยวแรง ที่เดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค นายอนุทิน กล่าวว่า รู้สึกยินดีและดีใจมากที่ได้บุคคลที่มีคุณภาพ อย่างครอบครัวเรี่ยวแรงที่มีประสบการณ์การทำงานในการเป็นสภาผู้แทนราษฎรมาหลายสมัย สนิทชิดเชื้อกับพรรคมายาวนาน และคุ้นเคยกับประชาชน รวมถึงได้ทำคุณประโยชน์ต่างๆ ให้กับคนนนทบุรีมาเป็นเวลานาน และในวันนี้ ได้แสดงเจตนาที่จะร่วมทำงานทางการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย พร้อมผลักดันในนโยบายต่างๆ ของพรรค ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อปากท้องและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชนนนทบุรีและประเทศไทย “พื้นที่จังหวัดนนทบุรี จะส่งครบทุกเขตหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจของนายวันชัย เจริญนนทสิทธิ์ อดีต ส.ส. และนายฉลอง […]
อ่านเพิ่มเติม »
CONSENSUS: MINT กำไรปี 66 โตเด่น พ้นจุดต่ำสุด-ต้นทุนพลังงานลดลง : อินโฟเควสท์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (63-64) บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เผชิญกับหลายปัจจัยลบ ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งเหตุการณ์ ณ ขณะนั้น ทำให้รัฐบาลหลายประเทศ รวมถึงไทยต้องใช้มาตรการหลายมาตรการเพื่อควบคุมการระบาด หนึ่งในนั้นก็คือมาตรการล็อกดาวน์ หรือปิดประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจท่องเที่ยว สายการบิน และโรงแรมหยุดชะงัก ตามมาด้วยสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ในช่วงต้นปี 64 ทำให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และเศรษฐกิจไทย รวมถึงโลกที่แย่จากโควิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งโดนซ้ำเติมหนักลงไปอีก โดย MINT ถือว่ามีธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศมากกว่าในประเทศ ซึ่งกระจายไปยังทวีปยุโรป ออสเตรเลีย และมัลดีฟส์ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจร้านอาหารในไทย จีน ออสเตรเลีย ทั้งนี้จากปัจจัยลบดังกล่าวได้กระทบต่อผลการดำเนินงานของ MINT เป็นอย่างมาก เห็นได้จากปี 63 รายได้ลดลงมาอยู่ที่ 58,695.64 ล้านบาท และมีผลขาดทุนสุทธิมาถึง 21,407.34 ล้านบาท ส่วนปี 64 รายได้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 76,211.26 ล้านบาท แต่ยังขาดทุนสทธิอยู่ที่ 13,166.51 ล้านบาท ขณะที่ในปี […]
อ่านเพิ่มเติม »
นายกฯเกาหลีใต้ยันความสัมพันธ์กับญี่ปุ่นต้องก้าวไปสู่อนาคต : อินโฟเควสท์นายฮัน ด็อก-ซู นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ (6 ก.พ.) ว่า ความสัมพันธ์ของเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นต้องก้าวไปสู่อนาคต ขณะที่เกาหลีใต้ได้เปิดเผยแผนงานเพื่อแก้ไขข้อพิพาทเรื่องการบังคับใช้แรงงานช่วงสงครามโลกซึ่งบั่นทอนความสัมพันธ์ทวิภาคีมาอย่างยาวนาน นายฮันกล่าวที่การประชุมรัฐสภาว่า “เราเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่นควรก้าวไปสู่อนาคต แทนที่จะหมกมุ่นอยู่กับอดีตมากเกินไป เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางการทูต ความมั่นคง และเศรษฐกิจที่เรากำลังเผชิญอยู่” สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า ถ้อยแถลงของนายฮันเป็นการตอบคำถามต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติเกี่ยวกับแนวทางที่รัฐบาลจะดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาการบังคับใช้แรงงานช่วงสงครามโลก นายฮันระบุว่า “สำหรับประเด็นนี้ เราเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นควรกลับมาเป็นปกติ พร้อมสื่อสารกับผู้ที่ได้รับความเจ็บปวดในเกาหลีใต้อย่างเพียงพอ” ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศย่ำแย่ลงนับตั้งแต่เดือนต.ค.2561 หลังจากที่ศาลสูงสุดของเกาหลีใต้สั่งให้บริษัท นิปปอน สตีล และ บริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ส์ของญี่ปุ่นจ่ายเงินชดเชยให้กับเหยื่อชาวเกาหลีใต้ที่ถูกบังคับใช้แรงงาน เมื่อเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลเกาหลีใต้ได้เปิดเผยแผนชดเชยสำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการบังคับใช้แรงงานในช่วงสงครามผ่านมูลนิธิของรัฐแทนการรับเงินชดเชยจากบริษัทญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวของรัฐบาลก่อให้เกิดเสียงต่อต้านอย่างรุนแรงจากเหยื่อและครอบครัวของพวกเขา ทั้งนี้ เมื่อถูกถามว่าบริษัทญี่ปุ่นควรมีส่วนร่วมในแผนชดเชยหรือไม่ นายฮันตอบว่า “ผมคิดว่าเราควรเข้าใจความคิดของผู้ที่ได้รับความเสียหายในเกาหลีใต้อย่างถ่องแท้ และพยายามหาทางออกที่ดีผ่านการสื่อสารกับพวกเขา” โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.พ. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »