ตลาดหุ้นเอเชียปิดเช้าบวก ตามทิศทางดาวโจนส์ หุ้น ตลาดหุ้นเอเชีย อินโฟเควสท์
ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าบวกในวันนี้ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่ปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางการซื้อขายที่เบาบาง เนื่องจากหลายตลาดในเอเชียปิดทำการ เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนราคาหุ้นในญี่ปุ่นพุ่งขึ้นเกือบทุกกลุ่ม นำโดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตชิป
ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลียปรับขึ้นเล็กน้อยที่ 0.1% แตะที่ 7,456.90 เนื่องจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเคลื่อนไหวตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้นในวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นในเอเชียปิดทำการเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ ม.ค. เนื่องในเทศกาลตรุษจีน เช่น จีน ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย ส่วนตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดทำการในวันนี้เช่นกัน เนื่องในเทศกาลปีใหม่ของชาวเกาหลี
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 330.93 จุด หรือ +1.00% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 288.17 จุด หรือ +2.66% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากหุ้นเน็ตฟลิกซ์พุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่ง และหุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลปรับตัวขึ้นหลังประกาศปรับลดพนักงาน
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
'อีลอน มัสก์' ปัดข้อมูลสื่อ แจงทวิตเตอร์ยังมีพนักงานเหลือราว 2,300 คน : อินโฟเควสท์นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของทวิตเตอร์ อิงค์ ทวีตในวันนี้ (21 ม.ค.) ว่า ทวิตเตอร์มีจำนวนพนักงานประมาณ 2,300 คน หลังจากซีเอ็นบีซีรายงานเมื่อวันศุกร์ (20 ม.ค.) ว่า จำนวนพนักงานประจำของทวิตเตอร์ได้ลดลงสู่ระดับประมาณ 1,300 คน ซึ่งรวมถึงวิศวกรที่เป็นพนักงานประจำจำนวนน้อยกว่า 550 คน ซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างบันทึกภายในว่า พนักงานประมาณ 75 คนจากทั้งหมด 1,300 คนนั้น ลาพักงาน ซึ่งรวมถึงวิศวกรราว 40 คน “ข้อมูลนั้นไม่ถูกต้อง ตอนนี้ทวิตเตอร์มีพนักงานประมาณ 2,300 คน ยังคงมีพนักงานหลายร้อยคนทำงานกับแผนก trust & safety และหลายพันคนเป็นพนักงานสัญญาจ้าง” นายมัสก์กล่าว ด้านอินไซเดอร์ (Insider) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ข่าวรายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (19 ม.ค.) ว่า ทวิตเตอร์วางแผนเลิกจ้างพนักงานในฝ่ายผลิตภัณฑ์โซเชียลมีเดียจำนวน 50 คนในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้ รายงานดังกล่าวระบุว่า แนวโน้มการเลิกจ้างพนักงานดังกล่าว ซึ่งมีขึ้นในช่วง 6 สัปดาห์หลังจากที่นายมัสก์บอกกับพนักงานว่า […]
อ่านเพิ่มเติม »
มารู้จัก Signal for help สัญญาณมือขอความช่วยเหลือ : อินโฟเควสท์พ.ต.ท. ธเทพ ไชยชาญบุตร รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณีแนะนำดูแลบุตรหลานให้สามารถส่งสัญญาณร้องขอความช่วยเหลือ หากเกิดอันตรายและอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถบอกกล่าวหรือส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้ รอง โฆษก ตร. กล่าวว่า ขอแนะนำให้ทุกครอบครัวที่มีบุตรหลาน และโรงเรียนต่างๆ ได้ให้คำแนะนำแก่บุตรหลานและนักเรียนถึงการขอความช่วยเหลือด้วยสัญญาณมือ โดยแบมือข้างใดก็ได้ออกหาผู้ที่ต้องการขอความช่วยเหลือ งอนิ้วโป้งเข้าสู่กลางฝ่ามือ และค่อยๆ กำนิ้วมือทั้งสี่กุมนิ้วโป้ง ทำอย่างช้าๆ หลายๆ ครั้ง เท่าที่จะทำได้ สัญญาณมือในการร้องขอความช่วยเหลือนี้เป็นสัญญาณสากล ต่างประเทศเรียกว่า Signal for Help ที่ทำให้ผู้พบเห็นสัญญาณมือนี้ สามารถให้ความช่วยเหลือหรือแจ้งตำรวจเพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที รอง โฆษก ตร. กล่าวอีกว่า ประชาชนควรมีหมายเลขโทรศัพท์ของสถานีตำรวจใกล้บ้าน หรือเบอร์แจ้งความฉุกเฉิน หากต้องการความช่วยเหลือหรือเหตุด่วนเหตุร้าย สามารถแจ้งมายัง Call Center ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 191 และ 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ม.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
ยสท. เคาะงบ 56 ลบ.เยียวยาชาวไร่ยาสูบ : อินโฟเควสท์นายภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งาม ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการ ยสท. ได้อนุมัติการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่ยาสูบและผู้บ่มอิสระ สนับสนุนปัจจัยการผลิต ร้อยละ 50 ของต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เฉพาะฤดูการผลิต 2565/2566 ในวงเงิน 56.16 ล้านบาท เนื่องจากชาวไร่ยาสูบและผู้บ่มอิสระได้รับผลกระทบภายหลังการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบแบบใหม่ตาม พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 และโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบ ประกอบกับปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ผิดกฎหมาย การแข่งขันทางการค้าในอุตสาหกรรมบุหรี่ต่างชาติ และจำนวนผู้สูบที่น้อยลงตามนโยบายรัฐและกระแสโลก ทำให้ ยสท. มียอดจำหน่ายที่ลดลง ส่งผลกระทบโดยตรงกับชาวไร่ยาสูบและผู้บ่มอิสระ จากการปรับลดโควตาการรับซื้อใบยา รวมถึงต้นทุนปัจจัยการผลิตที่สูงขึ้น เช่น ค่าปุ๋ย ค่าการขนส่งและน้ำมันเชื้อเพลิง ประเภทใบยา ปริมาณ(ล้าน กก.) สนับสนุนปัจจัยการผลิต(บาท/กก.) เงินช่วยเหลือ(ล้านบาท) เวอร์ยิเนีย 4.23 6.26 26.48 เบอร์เลย์ 7.14 3.55 25.35 เตอร์กิซ 1.64 2.64 4.33 รวมทั้งสิ้น 56.16 สำหรับวิธีการให้ความช่วยเหลือเหลือเกษตรกรนั้น […]
อ่านเพิ่มเติม »
รัฐบาลมั่นใจ e-Visa รับดีมานด์ต่างชาติเดินทางท่องเที่ยวไทยเพิ่มขึ้น : อินโฟเควสท์น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากที่รัฐบาลได้เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศหลังสถานการณ์โควิด19 คลี่คลาย โดยใช้นโยบายปฏิบัติต่อผู้เดินทางจากทุกประเทศอย่างเท่าเทียมไม่เลือกปฏิบัติ ได้สนับสนุนให้มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่านักท่องเที่ยวจากประเทศจีนจะเพิ่มขึ้นอีกมากหลังจากรัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุมการเดินทางตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. 66 และจะอนุญาตให้ประชาชนเดินทางออกไปท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นหมู่คณะหรือกรุ๊ปทัวร์ได้ตั้งแต่ 6 ก.พ. 66 เป็นต้นไป โดยเริ่มต้นใน 20 ประเทศรวมถึงประเทศไทย ทั้งนี้ เพื่อรองรับความต้องการเดินทางเข้าสู่ประเทศไทย รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศได้พัฒนาระบบขอรับตรวจลงตรา(วีซ่า) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชาวต่างชาติ ที่ปัจจุบันสามารถขออนุญาตผ่านระบบออนไลน์ หรือ e-Visa ได้โดยไม่ต้องยื่นหรือส่งหนังสือเดินทางและเอกสารหลักฐานตัวจริงไปยังที่สถานเอกอัครราชทูตไทย หรือสถานกงสุลไทยในแต่ละประเทศ/เมือง ซึ่งรัฐบาลมั่นใจว่าระบบการให้วีซ่าที่สะดวกสบายจะรองรับความต้องการเดินทางเข้าประเทศไทยที่กำลังเพิ่มขึ้นในขณะนี้และระยะต่อไปได้เป็นอย่างดี น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า จากการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อกำหนดมาตรการรองรับการเดินทางเข้าประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศได้รายงานว่า การขออนุญาตเข้าประเทศไทยสำหรับชาวจีนปัจจุบันสามารถทำได้ทั้งการขอรับการตรวจลงตรา ณ ช่องทางอนุญาตของด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival: VOA) ซึ่งอยู่ในอำนาจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) และ การยื่นขอวีซ่าในต่างประเทศผ่านระบบ e-Visa ซึ่งอยู่ในอำนาจของกระทรวงการต่างประเทศ สำหรับการใช้บริการเพื่อยื่น e-Visa สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ https://www.thaievisa.go.th โดยไม่ต้องยื่นหรือส่งหนังสือเดินทางและเอกสารหลักฐานตัวจริงไปที่สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุล ซึ่งในเว็บไซต์จะรวมช่องทางการยื่นขอวีซ่าทุกประเภท มีการอธิบายขั้นตอนและมีวิดีทัศน์สาธิตการสมัครขอวีซ่าโดยละเอียด (https://thaievisa.go.th/video-user-manuals) หลังจากได้รับการอนุมัติ […]
อ่านเพิ่มเติม »
ฐานะการเงิน-การคลังไทยแข็งแกร่งจัดเก็บรายได้สูงกว่าคาด เล็งปรับเป้า GDP ปี 66 : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยฐานะการเงิน-การคลังของไทยมีความแข็งแกร่ง โดยกระทรวงการคลังเผยการจัดเก็บรายได้สุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม – ธันวาคม 2565) จำนวน 633,139 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 73,586 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 13.3 โดยได้รับแรงหนุนตามการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภค และการค้าระหว่างประเทศ และยังมีรายได้พิเศษจากการนำส่งทุนหรือผลกำไรส่วนเกินของทุนหมุนเวียน รายได้จากสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ และใบอนุญาตคลื่นวิทยุ รวมทั้งอากรขาเข้าย้อนหลังตามคำพิพากษาคดี คาดว่า รายได้รัฐบาลในช่วงที่เหลือขอปีงบประมาณ 2566 จะยังคงขยายตัวได้ดีตามภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี การจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิตต่ำกว่าประมาณการ จากการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นการชั่วคราวจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้ หากไม่รวมรายได้พิเศษของส่วนราชการอื่นและกรมศุลกากร ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิสูงกว่าประมาณการ 40,175 ล้านบาท หรือร้อยละ 7.2 และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.3 โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะมีรายได้นำส่งคลัง 2.6 ล้านล้านบาท ขณะที่การเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น 3.1 ล้านล้านบาท และมีการกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณจำนวน 6.95 แสนล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง […]
อ่านเพิ่มเติม »