ดุสิตโพล เชื่อมั่นเยาวชนไทยรุ่นใหม่เป็นอนาคตพัฒนาชาติ : อินโฟเควสท์

ประเทศไทย ข่าว ข่าว

ดุสิตโพล เชื่อมั่นเยาวชนไทยรุ่นใหม่เป็นอนาคตพัฒนาชาติ : อินโฟเควสท์
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด,ประเทศไทย หัวข้อข่าว
  • 📰 InfoQuestNews
  • ⏱ Reading Time:
  • 33 sec. here
  • 2 min. at publisher
  • 📊 Quality Score:
  • News: 16%
  • Publisher: 68%

ดุสิตโพล เชื่อมั่นเยาวชนไทยรุ่นใหม่เป็นอนาคตพัฒนาชาติ สวนดุสิตโพล ผลสำรวจ อินโฟเควสท์

“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ทั้งในกลุ่มผู้ใหญ่และกลุ่มเยาวชน ในหัวข้อ “เยาวชนไทยกับอนาคตการพัฒนาประเทศ” เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาสังคมที่เด็กและเยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องมากขึ้น ทั้งเป็นผู้ก่อเหตุและผู้ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ความรุนแรงทางเพศ การบูลลี่จนถึงแก่ชีวิต หรือเป็นเหยื่อคดีทางการเมือง

เมื่อถามถึงจุดเด่นของ “เยาวชนไทย” ณ วันนี้ อันดับ 1 ตอบว่า เก่งเทคโนโลยี การใช้สื่อโซเชียลต่าง ๆ อันดับ 2 ตอบว่า เป็นคนรุ่นใหม่ กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ กล้าตัดสินใจ และอันดับ 3 ตอบว่า รักอิสระ รักความเป็นส่วนตัว เชื่อมั่นในตัวเองสูง เมื่อถามว่าปัจจัยใดที่ส่งผลต่อการพัฒนา “เยาวชนไทย” อันดับ 1 ตอบว่าการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ผู้ปกครอง ครอบครัว อันดับ 2 ตอบว่าการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อต่าง ๆ และอันดับ 3 ตอบว่าทุกฝ่ายควรมีส่วนร่วมในการพัฒนาร่วมกัน

สุดท้าย เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นต่อ “เยาวชนไทย” ณ วันนี้ ที่จะเป็นอนาคตของชาติในการพัฒนาประเทศ พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ 84.22% ตอบว่า เชื่อมั่น ขณะที่อีก 15.78% ตอบว่าไม่เชื่อมั่น

เราได้สรุปข่าวนี้มาให้อ่านอย่างรวดเร็ว หากสนใจข่าว สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ อ่านเพิ่มเติม:

InfoQuestNews /  🏆 7. in TH

ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว

Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้

'ดุสิตโพล' ชี้เยาวชนไทยรุ่นใหม่ กล้าคิด กล้าแสดงออก แต่ห่วงใช้สื่อไม่เหมาะสม'ดุสิตโพล' ชี้เยาวชนไทยรุ่นใหม่ กล้าคิด กล้าแสดงออก แต่ห่วงใช้สื่อไม่เหมาะสมปัจจุบันมีปัญหาสังคมที่เด็กและเยาวชนเข้าไปเกี่ยวข้องมากขึ้น ทั้งเป็นผู้ก่อเหตุและผู้ได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นการทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย ความรุนแรงทางเพศ การบูลลี่จนถึงแก่ชีวิต หรือเป็นเหยื่อคดีทางการเมือง
อ่านเพิ่มเติม »

ทนาย 'แบงค์แมน-ฟรีด' วอนศาลอนุญาตให้ติดต่อกับอดีตพนักงานได้ หลังอัยการขอคุมเข้ม : อินโฟเควสท์ทนาย 'แบงค์แมน-ฟรีด' วอนศาลอนุญาตให้ติดต่อกับอดีตพนักงานได้ หลังอัยการขอคุมเข้ม : อินโฟเควสท์ทนายความของนายแซม แบงค์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งเอฟทีเอ็กซ์ (FTX) ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่ประสบภาวะล้มละลาย ได้ขอให้ศาลสหรัฐอนุญาตให้นายแบงค์แมน-ฟรีดติดต่อกับอดีตพนักงานได้ หลังอัยการสหรัฐเรียกร้องให้ผู้พิพากษาในแมนฮัตตันกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวที่เข้มงวดมากขึ้นกับแบงค์แมน-ฟรีด ทีมทนายความเปิดเผยว่า คำขอของอัยการสหรัฐนั้นมีขึ้นเพื่อทำให้นายแซม แบงค์แมน-ฟรีด ดูเป็นคนไม่ดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่อัยการต้องการ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังอัยการสหรัฐเรียกร้องเมื่อวันศุกร์ (27 ม.ค.) ให้ผู้พิพากษาในแมนฮัตตันกำหนดเงื่อนไขการประกันตัวที่เข้มงวดมากขึ้นกับนายแซม แบงค์แมน-ฟรีด โดยแสดงความกังวลว่านายแบงค์แมน-ฟรีดอาจยุ่งเกี่ยวกับพยาน หรือทำลายหลักฐานในคดีอาญาของตนเอง เนื่องจากนายแบงค์แมน-ฟรีดพยายามที่จะติดต่อกับผู้มีแนวโน้มที่จะเป็นพยานในคดีอาญาของเขาในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นอัยการจึงได้ขอให้ผู้พิพากษาลูอิส แคปแลนของศาลแขวงสหรัฐสั่งห้ามนายแบงค์แมน-ฟรีดไม่ให้ติดต่อสื่อสารกับพนักงานในอดีตและปัจจุบันของ FTX หรือของกองทุนอลาเมดา รีเสิร์ช นอกเหนือจากครอบครัวของเขา เว้นแต่จะมีทนายความอยู่ด้วย ด้านทีมทนายความได้ตอบโต้ว่า การติดต่อดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือพนักงาน ไม่ใช่แทรกแซง อัยการยังเรียกร้องไม่ให้นายแบงค์แมน-ฟรีดใช้บริการส่งข้อความของซิกนัล (Signal) หรือแอปพลิเคชันการโทรและส่งข้อความที่มีการเข้ารหัสอื่น ๆ แม้ว่าเขาจะยังคงสามารถติดต่อสื่อสารผ่านทางการส่งข้อความ อีเมล และโทรศัพท์ได้ก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นายแบงค์แมน-ฟรีด วัย 30 ปีได้รับการประกันตัวในวงเงิน 250 ล้านดอลลาร์และอาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเขา โดยเขาได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าได้ยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์จาก FTX โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter […]
อ่านเพิ่มเติม »

จ้างงานเพิ่ม-ว่างงานลด ผลพวงท่องเที่ยวฟื้น นายกฯ มั่นใจศก.ไทยดีขึ้น : อินโฟเควสท์จ้างงานเพิ่ม-ว่างงานลด ผลพวงท่องเที่ยวฟื้น นายกฯ มั่นใจศก.ไทยดีขึ้น : อินโฟเควสท์น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญกับการติดตามการมีงานทำของประชาชน เพื่อให้มั่นใจว่าสถานการณ์ได้กลับเข้าใกล้ภาวะปกติหลังการแพร่ระบาดของโควิด19 โดยข้อมูลล่าสุด ณ เดือน พ.ย. 65 สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) รายงานให้เห็นถึงการมีงานทำ และการว่างที่ดีขึ้นต่อเนื่อง “นายกรัฐมนตรีพอใจกับสถานการณ์การมีงานทำของประชาชนในภาพรวม ที่ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนพ.ย. 65 พบว่าประชาชนมีงานทำ 39.82 ล้านคน การว่างงานที่ 1.2% ถือว่าใกล้เคียงกับช่วงก่อนโควิด19 ในปี 2562 ที่ 0.9% และมั่นใจว่าเศรษฐกิจที่กำลังดีขึ้นโดยเฉพาะจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว จะส่งผลบวกต่อการมีงานทำของไทยมากขึ้นอีก” น.ส.ไตรศุลี กล่าว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้หน่วยงานเกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการผลักดันการยกระดับขีดความสามารถของคนไทย เพื่อนำไปสู่การได้ค่าจ้างและรายได้ที่สูงขึ้นตามความสามารถ น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สสช. รายงานข้อมูลการสำรวจภาวะการมีงานทำของคนไทย ณ เดือนพ.ย. 65 ทั่วประเทศ พบผู้มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป 58.73 ล้านคน เป็นผู้ที่อยู่ในกำลังแรงงานหรือผู้ที่พร้อมจะทำงาน […]
อ่านเพิ่มเติม »

เตือนภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง 29-30 ม.ค. : อินโฟเควสท์เตือนภาคใต้ตอนล่างฝั่งอ่าวไทย ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง 29-30 ม.ค. : อินโฟเควสท์กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง ฝนตกหนักบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 21 (42/2566) (มีผลกระทบในช่วงวันที่ 29-30 มกราคม 2566) ระบุว่า มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้ และทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย รวมทั้งประชาชนที่อาศัยบริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออก ระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร ส่วนห่างฝั่งทะเลอันดามันมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง เรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังแรง ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยดูแลรักษาสุขภาพ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรงไว้ด้วย โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »

KBANK ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท-ดอกเบี้ยฝากประจำ มีผล 30 ม.ค. : อินโฟเควสท์KBANK ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท-ดอกเบี้ยฝากประจำ มีผล 30 ม.ค. : อินโฟเควสท์นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำสูงขึ้น 0.10-0.25% เพื่อส่งผ่านนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และเพิ่มกำลังซื้อให้กับลูกค้าในภาวะที่ภาระค่าใช้จ่ายยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีความห่วงใยลูกค้ารายย่อยและผู้ประกอบการรายเล็ก และเพื่อดูแลลูกค้ากลุ่มดังกล่าวให้สามารถปรับตัวได้อย่างราบรื่น ในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ธนาคารจึงดำเนินการปรับดอกเบี้ยเงินกู้อย่างรอบคอบและระมัดระวัง โดยทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้ารายย่อยเพียง 0.10% และปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทอื่น โดยให้มีผลในวันที่ 30 ม.ค. 66 เป็นต้นไป – อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) ปรับจาก 6.37% เป็น 6.57% – อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) ปรับจาก 6.74% เป็น 6.89% – อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) ปรับจาก 6.50% เป็น 6.60% ทั้งนี้ ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับการดูแล และช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้ลูกค้ารายย่อย และกลุ่มเปราะบางอย่างต่อเนื่อง โดยจะพิจารณามาตรการความช่วยเหลือให้เหมาะสมกับลูกค้าที่อาจได้รับผลกระทบ และคำนึงถึงศักยภาพและโอกาสในการปรับตัวของลูกค้าในอนาคต โดยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ สามารถดำเนินการติดต่อผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารได้ […]
อ่านเพิ่มเติม »



Render Time: 2025-04-08 10:05:48