ดัชนี SET ภาคเช้าร่วงต่อไปเป็นกว่า 20 จุดกังวลเฟดจัดประชุมฉุกเฉิน SET SETIndex ดัชนีตลาดหุ้นไทย ตลาดหุ้นไทย อินโฟเควสท์
ตลาดหุ้นไทยท้ายภาคเช้าร่วงต่อไปเป็นกว่า 20 จุด รับแรงขายหุ้นขนาดใหญ่กลังจากเกิดความกังวลการประชุมฉุกเฉินของคณะผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ ในเวลา 11.30 น.ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น กำหนดการคร่าว ๆ คือจะทบทวนและตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย Advance and Discount Rateล่าสุด เมื่อเวลา 12.12 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,568 จุด ลดลง 20.65 จุด
นายณรงค์เดช จันทรไพศาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยท้ายภาคเช้านี้ปรับตัวลงไปตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังมีรายงานข่าวว่าคืนนี้ เฟดเรียกประชุมฉุกเฉิน ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีการหารือในประเด็นใด โดยที่ผ่านมาเฟดยังไม่สามารถปรับลดขนาดงบดุล ได้ตามเป้าหมาย หากวันนี้ถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับ QT ก็ไม่น่าส่งผลกระทบมากนัก
อย่างไรก็ตาม ต้นภาคเช้าตลาดยังปรับขึ้นไปได้แต่เมื่อมีรายงานข่าวการประชุมเฟดฉุกเฉินทำให้มีแรงขายออกมา และค่าเงินบาทก็พลิกมาอ่อนค่าจากที่เดิมยังทรง ๆ อยู่ ก็ทำให้ภาพดูไม่ดีในสายตานักลงทุนต่างชาติ ขณะเดียวกันก็ไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ๆ เข้ามา ในระยะสั้นต้องติดตามการประชุมเฟด โดยให้แนวรับที่ 1,550 จุด หลังหลุดแนวรับแรกที่ 1,575 จุด ส่วนแนวต้านที่ 1,590 จุด
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ส.นักวิเคราะห์ คาดเปิดเมืองหนุนศก.ปี 65-66 ฟื้นดัน SET แนะค้าปลีก-แบงก์-ท่องเที่ยว : อินโฟเควสท์นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 25 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในไตรมาส 4/65 สรุปได้ดังนี้ สมมติฐานหลัก มีการปรับลดราคาน้ำมันดิบของปีนี้ จาก 102.36 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล 98.79 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และทำให้ต้องลดคาดการณ์ การขยายตัวของ GDP ไทย ปี 65 จากเดิมที่ 3.18% ลงมาเหลือที่ 3.09% ส่วนสมมติฐาน GDP ปี 66 นั้นยังมองเป็นบวกที่ 3.86% สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางการลงทุนจนถึงสิ้นปี 65 ปัจจัยบวก ได้แก่ ภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ผู้ตอบแบบสำรวจ 96% เทคะแนนให้อย่างชัดเจนว่าเป็นผลบวก รองลงมาผู้ตอบ 92% ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ปี 65 และปี 66 มีผู้ตอบ 80% ตามลำดับ ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลในด้านลบต่อตลาดทุนไทยในขณะนี้จนถึงสิ้นปี 65 ได้แก่ ปัจจัยด้านเศรษฐกิจโลก …
อ่านเพิ่มเติม »
บล.พาย ประเมินกรอบ SET สัปดาห์นี้ 1,570-1,600 จุด เกาะติดเงินเฟ้อไทย-โอเปกพลัส : อินโฟเควสท์บล.พาย (Pi) ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) สัปดาห์นี้แกว่งในกรอบ 1,570-1,600 จุด มองยัง Outperform ตลาดหุ้นโลก แนะทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานก่อนเลือกตั้งใหญ่กลางปีหน้า ทั้งนี้ ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปรับลง 1.7% หลักๆเป็นผลจากการรายงาน PCE ที่สูงกว่าตลาดคาดหมายไว้ เพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและส่งผลให้ตลาดกังวลกับแนวโน้มดอกเบี้ยจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่วนด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับตัวลง 0.6% หลักๆ นักลงทุนกังวลกับอุปสงค์ที่จะหายไปจากการขึ้นดอกเบี้ย สัปดาห์นี้ ตลาดจะให้น้ำหนักกับการรายงานเงินเฟ้อไทยประจำเดือน ก.ย. ในวันพุธ Bloomberg Consensus คาดที่ 6.5%YoY,0.4%MoM ทั้งนี้หากพิจารณาสินค้าที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงเงินเฟ้อสูง อย่างราคาน้ำมันจะพบว่าราคาน้ำมันดิบ BRENT ในเดือนกันยายนติดลบราว 7.4%MoM ดังนั้น คาดว่าเงินเฟ้อที่จะประกาศออกมาน่าจะใกล้เคียงกับนักวิเคราะห์คาดและมองว่าไม่น่ามีผลอะไรกับตลาดหุ้นมากนัก ส่วนปัจจัยต่างประเทศจะเน้นไปที่ (1) การประชุม OPEC+ ในวันพุธ (คาดทราบผลทางการช่วงวันพุธกลางคืนตามเวลาประเทศไทย) เบื้องต้นมีรายงานออกมาว่าที่ประชุมจะลดกำลังการผลิตราว 1 ล้านบาร์เรล/วัน หากออกมาตามนี้ก็เชื่อว่าไม่มีผลกับราคาน้ำมันดิบมากนัก คาดว่าปัจจุบันตลาดกำลังให้น้ำหนักกับอุปสงค์ที่จะหายไปจากความกังวลเศรษฐกิจถดถอย …
อ่านเพิ่มเติม »
สื่อนอกเผยโมเดอร์นาไม่ยอมส่งสูตรวัคซีนให้จีน ทำเจรจาขายวัคซีนล่ม : อินโฟเควสท์สำนักข่าวไฟแนนเชียลไทม์ส์รายงานเมื่อวันเสาร์ (1 ต.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ปฏิเสธที่จะส่งมอบทรัพย์สินทางปัญญาหลักเบื้องหลังการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทให้กับจีน ทำให้การเจรจาขายวัคซีนให้จีนล้มเหลวลง แหล่งข่าวอ้างถึงการเจรจาที่เกิดขึ้นในระหว่างปี 2563-2564 ว่า บริษัทโมเดอร์นาปฏิเสธคำขอจากจีนที่ต้องการให้ส่งมอบสูตรวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ของบริษัทให้กับจีน ด้วยสาเหตุจากความกังวลด้านการค้าและความปลอดภัย พร้อมเสริมว่า โมเดอร์นายังต้องการขายวัคซีนให้กับจีนอยู่ รายงานระบุว่า โมเดอร์นาได้ล้มเลิกความพยายามก่อนหน้านี้ที่จะเข้าถึงตลาดจีน เพราะข้อกำหนดเบื้องต้นของการขายวัคซีนให้กับจีนคือต้องส่งมอบสูตรวัคซีนให้กับจีนก่อน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จีนไม่ได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 จากต่างประเทศเลย และพึ่งพาวัคซีนแบรนด์ต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นเองในประเทศ ขณะเดียวกันในเดือนก.ย. นายพอล เบอร์ตัน หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของโมเดอร์นาเปิดเผยว่า โมเดอร์นามีความสนใจที่จะร่วมมือกับจีนในการจัดหาวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิดเอ็มอาร์เอ็นเอให้กับจีน โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
ค่าเงินเปโซจ่อร่วงแตะนิวโลว์ หลังฟิลิปปินส์ขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น : อินโฟเควสท์นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า สกุลเงินเปโซของฟิลิปปินส์อาจร่วงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากยอดขาดดุลการค้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ได้ส่งผลกระทบต่อค่าเงินและกดดันให้ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ต้องเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อชะลอการอ่อนค่าของเปโซ นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันไอเอ็นจี กรุ๊ป และบริษัท eMBM Services คาดการณ์ว่า ค่าเงินเปโซจะร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 62 เปโซต่อดอลลาร์ภายในปีนี้ ส่วนในปีนี้ ค่าเงินเปโซร่วงลงไปแล้ว 13% และเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่ทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดในเอเชีย ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (BSP) ส่งสัญญาณใช้มาตรการที่รุนแรงขึ้นเพื่อรับมือกับการอ่อนค่าลงของสกุลเงินเปโซ รวมถึงการระบายสภาพคล่องออกจากระบบ และเพิ่มต้นทุนการกู้ยืม นายนิโคลัส มาปา นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากไอเอ็นจี กรุ๊ปสาขากรุงมะนิลากล่าวว่า “สกุลเงินเปโซกำลังเผชิญกับความท้าทาย เนื่องจากการนำเข้าเพิ่มขึ้นนั้น ทำให้ความต้องการสกุลเงินดอลลาร์พุ่งสูงขึ้นและนำไปสู่การขาดดุลการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น แม้ธนาคารกลางอาจเข้าแทรกแซงตลาดเพื่อลดความผันผวนในครั้งนี้ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากนักเพราะธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินในระดับที่รุนแรงมากขึ้น” ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์มียอดขาดดุลการค้ามากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันนับจนถึงเดือนก.ค. เนื่องจากการนำเข้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลฟิลิปปินส์คาดการณ์ว่า ยอดการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ฟิลิปปินส์เผชิญกับการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดสูงถึง 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
วิจัยชี้พลังงานไฮโดรเจนช่วยจีนลดปล่อยคาร์บอนในอุตสาหกรรมหนัก : อินโฟเควสท์คณะนักวิทยาศาสตร์ของจีนและสหรัฐได้เผยแพร่ผลการประเมินการใช้พลังงานไฮโดรเจนสะอาดของภาคอุตสาหกรรมหนักและการขนส่งหนักของจีนในอนาคต โดยระบุว่า พลังงานไฮโดรเจนสะอาดสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมีนัยสำคัญ ผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวารสารเนเจอร์ เอ็นเนอร์จี (Nature Energy) ระบุว่า พลังงานไฮโดรเจนสะอาดสามารถเป็นได้ทั้งแหล่งพลังงานและวัตถุดิบตั้งต้น ซึ่งสามารถลดการปล่อยคาร์บอนของอุตสาหกรรมหนักได้อย่างมหาศาล การศึกษาของคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยหนานไคของจีน และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดของสหรัฐพบว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมหนักและการขนส่งหนักเปลี่ยนไปใช้พลังงานหมุนเวียนได้ยาก สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า พลังงานไฮโดรเจนสะอาดสามารถผลิตจากแหล่งต่าง ๆ ได้แก่ ไฟฟ้าหมุนเวียนและการรีฟอร์มก๊าซธรรมชาติ (natural gas reforming) พร้อมทั้งเทคโนโลยีการจัดการคาร์บอน ผลการวิเคราะห์แบบจำลองของการศึกษาครั้งนี้พบว่า พลังงานไฮโดรเจนสะอาดสามารถเป็นเชื้อเพลิงแก่รถบรรทุกหนักและรถบัสของจีนได้สูงถึง 50% ภายในปี 2603 นอกจากนี้ การใช้พลังงานไฮโดรเจนสะอาดในจีนมีแนวโน้มประหยัดต้นทุนการลงทุนในการบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนสูงถึง 1.72 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 65 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2603 เมื่อเทียบกับการไม่ใช้พลังงานไฮโดรเจนสะอาด ผลการศึกษาครั้งนี้ได้มอบหลักฐานชิ้นสำคัญเกี่ยวกับมูลค่าของพลังงานไฮโดรเจนสะอาดในภาคอุตสาหกรรมที่ลดการปล่อยมลพิษได้ยากของจีนและนานาประเทศที่เผชิญความท้าทายที่คล้ายคลึงกัน โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »