ญี่ปุ่นพบไข้หวัดใหญ่ตามฤดูระบาดทั่วประเทศ ขณะยอดป่วยพุ่ง ญี่ปุ่น ไข้หวัดใหญ่ อินโฟเควสท์
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ผลสำรวจจากกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่นเผยว่า จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ต่อสถาบันการแพทย์โดยเฉลี่ย ในช่วงระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์จนถึงวันอาทิตย์ อยู่ที่ 7.37 ราย ซึ่งนับเป็นสัญญาณของการเริ่มระบาด
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่นระบุว่า สถาบันการแพทย์ราว 5,000 แห่ง ใน 47 จังหวัดของประเทศ รายงานว่าพบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล 36,388 ราย ระหว่างวันที่ 16-22 ม.ค. จำนวนผู้ป่วยต่อสถาบันการแพทย์ทั่วประเทศสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้ากว่า 1.5 เท่าตัว ขณะที่จำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ทั่วประเทศคาดว่าอยู่ที่ราว 257,000 ราย โดยหากแบ่งตามจังหวัด จำนวนผู้ป่วยต่อโรงพยาบาลสูงสุดอยู่ที่โอกินาวา และพบมากกว่า 10 รายในอีก 7 จังหวัด ซึ่งรวมถึงฟุกุโอกะ มิยาซากิ และซากะ
ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยที่สูงกว่า 10 รายสะท้อนว่าการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลอาจเกิดขึ้นภายใน 4 สัปดาห์ ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่มากกว่า 30 รายบ่งชี้ว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดใหญ่ขึ้นแล้ว
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ญี่ปุ่นพบ ‘ไข้หวัดใหญ่’ ตามฤดูระบาดทั่วประเทศ ขณะยอดป่วยพุ่ง
อ่านเพิ่มเติม »
ปลื้ม!ไทยติด 1 ใน 23 สถานที่ดีที่สุดในโลกของการท่องเที่ยว ปี 2023 : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ประเทศไทยติด 1 ใน 23 สถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับการท่องเที่ยวในปี 2023 (23 of the best places to travel to around the world in 2023) จากการรายงานของ Insider ซึ่งเป็นเว็บไซต์และแอปพลิเคชันนำเสนอข่าวสารและไลฟ์สไตล์ชื่อดังของสหรัฐอเมริกา (ที่มา: Best Places to Travel Internationally Around the World in 2023 (insider.com)) ทั้งนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ประเทศไทยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก และได้รับการจัดอันดับให้เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยวไทยที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า เว็บไซต์ Insider เลือกให้ประเทศไทยเป็น 1 ใน 23 […]
อ่านเพิ่มเติม »
อนุสรณ์ คาดธปท.ขึ้นดอกเบี้ยต่อถึง 1.75-2%, Flow เข้า-เกินดุลหนุนบาทแข็งค่าอาจเห็น 31 บาท : อินโฟเควสท์นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กรรมการบริหาร หลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการบริหารเศรษฐกิจสาธารณะ สถาบันพระปกเกล้า และ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้วิเคราะห์ถึงทิศทางการแข็งค่าเงินบาทอย่างรวดเร็ว ว่า เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าทดสอบ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ในเร็วๆนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยสองหรือสามครั้งในปีนี้ คาดว่าในวันที่ 25 มกราคมแบงก์ชาติน่าจะปรับขึ้นอีก 0.25% ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ระดับ 1.50% จาก 1.25% และน่าจะมีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งถึงสองครั้งหลังจากนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1.75-2% ในช่วงกลางปี คาดว่าธนาคารกลางในเอเชียรวมทั้งไทยน่าจะยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นในกลางปีนี้หากสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมาย อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับดังกล่าวบวกกับการไหลเข้าของเงินทุนในตลาดการเงิน รวมทั้งการเกินดุลการค้าเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2566 ย่อมทำให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องและมีบางช่วงอาจได้เห็นเงินบาทลงไปต่ำกว่า 31 บาทต่อดอลลาร์ได้ เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศของจีน อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีของจีนอาจเติบโตได้ถึง 4.5-4.6% จีนจะกลับมามีบทบาทในฐานะผู้ผลิตและห่วงโซ่อุปทานของโลกอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลต่อภาคการผลิต ภาคส่งออกของไทยที่มีห่วงโซ่อุปทานเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้การเปิดประเทศของจีนทำให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมากและมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ น่าจะทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม ไทยไม่มีการเลือกปฏิบัติและเข้มงวดตรวจคัดกรองนักท่องเที่ยวจากจีนขณะที่หลายประเทศที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวจีนมีความเข้มงวดในการตรวจคัดกรองสร้างความยุ่งยากในการเดินทางเข้าประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย อินเดีย อิตาลี สหราชอาณาจักร และ สหรัฐอเมริกา เป็นต้น นักท่องเที่ยวชาวจีนจำนวนมากได้หันมาท่องเที่ยวในประเทศไทยแทนเนื่องจากมีความสะดวกมากกว่า นโยบายของไทยในการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากจีนมีความเหมาะสม […]
อ่านเพิ่มเติม »
'คริส ฮิปกินส์' ว่าที่นายกฯนิวซีแลนด์เล็งยกเครื่องนโยบาย-หวังคว้าชัยเลือกตั้ง : อินโฟเควสท์นายคริส ฮิปกินส์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของนิวซีแลนด์เปิดเผยว่า เขาจะให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก ในขณะที่เศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะถดถอย นอกจากนี้ เขาอาจจะยกเลิกนโยบายบางส่วนของนางจาซินดา อาร์เดิร์น โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นหนึ่งในความพยายามที่จะได้เสียงสนับสนุนก่อนการเลือกตั้งในเดือนต.ค.ปีนี้ นายฮิปกินส์กล่าวในการแถลงข่าวในกรุงเวลลิงตันหลังได้รับการรับรองจากพรรคแรงงานให้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อจากนางอาร์เดิร์นว่า “ในฐานนะนายกรัฐมนตรี ผมจะนำทีมที่มีความมุ่งมั่นและขยันขันแข็งเพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ ๆ หลายประการที่หลายครอบครัวและธุรกิจกำลังเผชิญอยู่ ผู้รู้ดีว่า พี่น้องชาวนิวซีแลนด์บางคนอาจรู้สึกว่าเราดำเนินการมากเกินไปและเร็วเกินไป และผมได้รับสาส์นดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว” ทั้งนี้ พรรคแรงงาน ซึ่งมีคะแนนเสียงตามหลังพรรคฝ่ายค้านหลักในการสำรวจคะแนนนิยมนั้น ได้รวมใจเป็นหนึ่งอย่างรวดเร็วเพื่อสนับสนุนนายฮิปกินส์ และให้การรับรองการถ่ายโอนตำแหน่งผู้นำอย่างราบรื่น หลังการประกาศลาออกอยากไม่คาดคิดของนางอาร์เดิร์นเมื่อสัปดาห์ก่อน ในขณะที่การลาออกนางอาร์เดิร์นทำให้พรรคแรงงานต้องสูญเสียนักรณรงค์หาเสียงที่มีเสน่ห์ที่สุดไปนั้น นายฮิปกินส์ในฐานะผู้นำคนใหม่มีความสามารถในการปรับปรุงนโยบายที่ไม่เป็นที่นิยมของพรรคและช่วยให้พรรคได้รับการสนับสนุนอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นนั้น ทำให้นายฮิปกินส์ต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากลำบากเพื่อพาพรรคแรงงานคว้าชัยในการเลือกตั้งเป็นสมัยที่ 3 ทั้งนี้ นายฮิปกินส์ใช้การแถลงข่าวครั้งใหญ่ครั้งแรกของเขาเพื่อเน้นย้ำถึงความเป็น “ชาวนิวซีแลนด์ติดดิน” ของเขา และสื่อสารไปยังผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่กำลังใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก โดยระบุว่า “เราจะมุ่งเน้นไปที่การแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ผมเข้าใจดีว่า ประชาชนมากมายกำลังกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าละค่าจำนองบ้าน ผมอยากให้พวกเขารู้ว่าเราอยู่เคียงข้างพวกเขา” โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ม.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
'เคธี วูด' รีบขายหุ้น 'เจดี.คอม' ฉวยโอกาสหุ้นเด้ง หลังเกียร์ว่างนาน 6 เดือน : อินโฟเควสท์นางเคธี วูด ซีอีโอของบริษัท Ark Investment Management กลับมาขายหุ้นเจดี.คอม (JD.com) อีกครั้งหลังจากไม่ได้ดำเนินการใด ๆ มานานประมาณ 6 เดือน ขณะที่บรรดาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของจีนดีดตัวขึ้นเป็นประวัติการณ์โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนผ่อนคลายด้านกฎระเบียบ ข้อมูลการซื้อขายรายวันที่บลูมเบิร์กรวบรวมจาก Ark Investment Management บ่งชี้ว่า กองทุน ARK Fintech Innovation ETF ได้ขายตราสาร ADR (American Depository Receipts) ของเจดี.คอมซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกออนไลน์ของจีนเป็นจำนวน 6,645 หุ้นซึ่งเป็นการขายครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ค. โดยก่อนหน้านั้นนางวูดขายหุ้นดังกล่าวตั้งแต่กลางเดือนก.ย. 2564 ถึงก.ค. 2565 กองทุนของนางวูดเทขายหุ้นเจดี.คอมออกมา แม้ว่าธุรกิจด้านอินเทอร์เน็ตของจีนซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกระบุว่า “ไม่สามารถลงทุนได้” นั้น กำลังกลับมาได้รับความสนใจในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทอีกครั้ง หลังจีนยกเลิกข้อจำกัดต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคโควิด-19 และผ่อนปรนการควบคุมธุรกิจดังกล่าวซึ่งดำเนินมาหลายปีก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ ตราสาร ADR ของเจดี.คอมพุ่งขึ้นราว 62% แล้วนับตั้งแต่แตะระดับต่ำสุดในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยปรับตัวขึ้นตาม ADR ของหุ้นเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ซึ่งทะยานขึ้นมากกว่า […]
อ่านเพิ่มเติม »
สหรัฐสั่งยึดทรัพย์สินเกือบ 700 ล้านดอลล์จาก 'แบงค์แมน-ฟรีด' : อินโฟเควสท์เอกสารของศาลสหรัฐเมื่อวันศุกร์ (20 ม.ค.) ระบุว่า อัยการของรัฐบาลสหรัฐได้ยึดทรัพย์สินเกือบ 700 ล้านดอลลาร์จากนายแซม แบงค์แมน-ฟรีด ผู้ก่อตั้งบริษัทเอฟทีเอกซ์ (FTX) ในเดือนม.ค. ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปของหุ้นบริษัทโรบินฮูด (Robinhood) นายแบงค์แมน-ฟรีดได้ถูกกล่าวหาว่าขโมยเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากลูกค้าของ FTX เพื่อนำไปชำระหนี้ให้กับอลาเมดา รีเสิร์ช (Alameda Research) ซึ่งเป็นกองทุนเฮดจ์ฟันด์ด้านคริปโทเคอร์เรนซีของเขา แต่นายแบงค์แมน-ฟรีดปฏิเสธไม่ยอมรับผิดข้อหาฉ้อโกง และมีกำหนดจะเข้ารับการพิจารณาคดีในเดือนต.ค.ปีนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เปิดเผยถึงการยึดหุ้นโรบินฮูดไปเมื่อต้นเดือนนี้ แต่ได้มาทำการแจกแจงรายการสินทรัพย์ที่ถูกยึดในวันศุกร์ ซึ่งรวมถึงเงินสดที่อยู่ในธนาคารต่าง ๆ และสินทรัพย์ที่ฝากไว้กับไบแนนซ์ (Binance) ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายคริปโทฯ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ม.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »