ชาวมาเลย์ออกไปใช้สิทธิ์ เลือกตั้ง ทั่วไปวันนี้ คาด 'อันวาร์ อิบราฮิม' ชนะเฉียดฉิว มาเลเซีย อินโฟเควสท์
ชาวมาเลเซียออกไปลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งทั่วไปในวันนี้ ซึ่งเป็นการแข่งขันที่อาจจะไม่สามารถยุติความไร้เสถียรภาพทางการเมืองที่ดำเนินมานานหลายปีได้ เนื่องจากผลสำรวจบ่งชี้ว่า จะไม่มีผู้ชนะที่ชัดเจนในการเลือกตั้งครั้งนี้
หากไม่มีผู้ชนะการเลือกตั้งที่ชัดเจน ความไม่แน่นอนทางการเมืองอาจยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่มาเลเซียเผชิญกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น โดยมาเลเซียมีนายกรัฐมนตรีถึง 3 คนแล้วในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประเด็นสำคัญในการหาเสียงเลือกตั้งอยู่ที่แนวโน้มเศรษฐกิจและภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ชาวมาเลเซียจำนวนมากผิดหวังกับความไร้เสถียรภาพทางการเมืองซึ่งทำให้นักการเมืองขาดความสนใจในการพัฒนาด้านเศรษฐกิจ
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
พนง.ทวิตเตอร์แห่ลาออก หลัง 'อีลอน มัสก์' ยื่นคำขาดอยู่ต่อต้องทำงานหนัก : อินโฟเควสท์พนักงานทวิตเตอร์จำนวนมากพร้อมใจกันลาออกเมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) หลังนายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีเจ้าของคนใหม่ของทวิตเตอร์ได้ยื่นคำขาดว่า หลังจากนี้พวกเขาจะต้องเต็มใจยอมรับสภาพแวดล้อมในการทำงานที่หนักหน่วง สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานโดยอ้างอิงข้อความจากแอปพลิเคชันสแล็ค (Slack) ภายในองค์กรทวิตเตอร์ว่า วิศวกรและพนักงานคนอื่น ๆ จำนวนมากได้ทยอยโพสต์ข้อความบอกลาในกลุ่มแชท “วอเตอร์คูลเลอร์ (watercooler)” จนถึงช่วงเวลาประมาณ 17.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ซึ่งเป็นกำหนดเส้นตายที่นายมัสก์ได้แจ้งไว้ล่วงหน้า 1 วัน แหล่งข่าวซึ่งเป็นพนักงานจากทวิตเตอร์ 3 คนได้บอกกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า พวกเขาทั้งสามมีแผนจะลาออกในวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) และไม่ทราบว่าจะมีพนักงานที่ลาออกอีกจำนวนเท่าใด หนึ่งในพนักงานทวิตเตอร์กล่าวว่า “รถไฟออกจากชานชาลาแล้วใน social-watercooler” ซึ่งเป็นการกล่าวถึงห้องสนทนาในแอปพลิเคชันสแล็ค (Slack) ที่พนักงานทวิตเตอร์ใช้งานในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อแจ้งให้ผู้อื่นทราบว่าพวกเขากำลังจะลาออก สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เมื่อวันพุธ (16 พ.ย.) นายมัสก์ได้ส่งอีเมลไปทั่วบริษัท เพื่อบอกให้พนักงานเตรียมพร้อมรับกับชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและหนักหน่วง หากพวกเขาต้องการอยู่ต่อ โดยให้เวลาถึง 17.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่จะตัดสินใจ ก่อนที่จะตามมาด้วยอีเมลอีก 2-3 ฉบับที่ระบุว่า ผู้จัดการต้องพบปะกับพนักงานด้วยตนเองสัปดาห์ละครั้งหรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง และผู้จัดการอาจถูกไล่ออกหากอนุญาตให้พนักงานทำงานจากระยะไกล โดยพนักงานเหล่านั้นจะไม่ได้รับการรับรองตามความเห็นของเขาว่าเป็นพนักงานที่ “ยอดเยี่ยม” หรือ “พิเศษ” …
อ่านเพิ่มเติม »
ก.ล.ต.เผยยังไม่พบกรณีน่าเป็นห่วงใน บล.อื่น นอกเหนือจาก เอเชีย เวลท์ : อินโฟเควสท์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ระบุว่า หลังจากเกิดกรณีการซื้อขายหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) ที่ผิดปกติ ก.ล.ต.ก็ได้ถือว่าเรื่องนี่เป็นกรณีเร่งด่วน จึงได้ร่วมประสานงานกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ลงไปตรวจสอบ บล.ต่าง ๆ โดย ณ ขณะนี้นอกเหนือจาก บล.เอเชีย เวลท์ (AWS) แล้วก็ยังไม่พบว่ามี บล.แห่งอื่นที่น่าเป็นห่วง ก.ล.ต. ชี้แจงว่าคำสั่งปิดทำการชั่วคราว AWS สืบเนื่องมาจากการรายงานของบริษัท ประกอบกับการที่สำนักงาน ก.ล.ต.เข้าไปตรวจสอบบริษัทร่วมด้วย พบว่ามีการนำเงินในบัญชีของลูกค้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต เพื่อนำไปชำระราคาหลักทรัพย์ ซึ่ง ก.ล.ต.พบว่ามีเงินส่วนหนึ่งเป็นเงินของลูกค้า “บริษัทเขาคงพิจารณาแล้ว ณ ขณะนั้นว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเขา”นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าว ขณะนี้ยังต้องรอว่า AWS สามารถนำเงินมาคืนในบัญชีลูกค้าได้ตามกำหนดวันที่ 20 พ.ย.นี้หรือไม่ โดย ก.ล.ต.ได้เตรียมแนวทางดำเนินการไว้แล้วทั้งกรณีที่สามารถคืนเงินได้หรือคืนเงินไม่ได้ เท่าที่ได้พูดคุยกับผู้บริหาร AWS ในเบื้องต้น บริษัทแจ้งว่ามีแผนงานอยู่หลายช่องทาง จึงจะรอให้ถึงเวลานั้นก่อน แต่อย่างไรก็ตาม การนำเงินลูกค้าไปใช้โดยไม่ถูกต้องเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่จะต้องมีการดำเนินคดีอาญาตามกฎหมาย ส่วนจะนำไปถึงความผิดในส่วนอื่น …
อ่านเพิ่มเติม »
ส่องบรรยากาศเอเปค จีน-ญี่ปุ่นฟื้นสัมพันธ์ เวียดนามหนุนเทคโนฯสีเขียว : อินโฟเควสท์สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานบรรยากาศการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศไทย โดยขณะนี้ผู้นำส่วนใหญ่ได้เดินถึงไทยแล้ว ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีนซึ่งเดินทางมาถึงเมื่อวานนี้ (17 พ.ย.) พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทยได้กล่าวเปิดการประชุมซีอีโอซัมมิต ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมเอเปค 2022 ที่จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การเจริญเติบโตที่สมดุล ครอบคลุม และยั่งยืน (Balanced, Inclusive and Sustainable Growth)” โดยการประชุมจะมุ่งเน้นเรื่องการกระตุ้นความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและการสร้างสภาพแวดล้อมที่ยั่งยืน ในการประชุมเอเปคปีนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐไม่ได้เดินทางมาเข้าร่วม โดยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมผู้นำกลุ่ม G20 ที่อินโดนีเซียแล้ว ปธน.ไบเดนได้เดินทางกลับไปยังทำเนียบขาวเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสมรสของหลานสาวซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 19 พ.ย. และได้ส่งรองปธน.คามาลา แฮร์ริส เข้าร่วมประชุมเอเปคแทน * จุดเริ่มต้นที่ดีของการฟื้นฟูความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่น ปธน.สี จิ้นผิง และนายฟูมิโอ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้มีโอกาสพบปะกันในการประชุมเอเปคครั้งนี้ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ผู้นำจีนและญี่ปุ่นได้พบปะพูดคุยกัน โดยทั้งสองฝ่ายต่างก็ยืนยันถึงความตั้งใจที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ ขณะที่ปธน.สีได้แสดงความเต็มใจที่จะทำงานร่วมกับญี่ปุ่น เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน “การพบกันในวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่จะนำไปสู่การเจรจาในวันข้างหน้า เพื่อให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน” นายคิชิดะกล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากที่ได้พูดคุยกับปธน.สีเป็นเวลา …
อ่านเพิ่มเติม »
นายกฯ หารือร่วมผู้นำเอเปค-แขกพิเศษ รับมือศก.ท่ามกลางความท้าท้ายใหม่ : อินโฟเควสท์นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค กับแขกพิเศษ ได้แก่ นายเอมานูว์แอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส, เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “การค้าและการลงทุนที่ยั่งยืนระหว่างเอเปคกับหุ้นส่วนด้านการค้า” โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นับเป็นครั้งที่ 3 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปค ซึ่งอยู่ในสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่แตกต่างไปจาก 2 ครั้งแรกที่ไทยเคยเป็นเจ้าภาพโดยสิ้นเชิง ในเชิงเศรษฐกิจผลกระทบจากโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย ต้องเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูง ความไม่มั่นคงด้านพลังงานและอาหาร ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่หยุดชะงัก และความเสี่ยงด้านเสถียรภาพทางการเงินที่เพิ่มขึ้น รวมถึงความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งหัวข้อการประชุมเอเปคปี 2565 ที่ว่าด้วย “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” อยู่บนพื้นฐานของแนวคิดเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจสีเขียว หรือแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เพื่อขับเคลื่อนงานภายใต้ 3 เสาหลักของวิสัยทัศน์ปุตราจายาของเอเปค ปี …
อ่านเพิ่มเติม »
สหรัฐชี้มกุฎราชกุมารซาอุฯควรได้รับความคุ้มครองจากคดีฆาตกรรมคาช็อกกี : อินโฟเควสท์คณะบริหารภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐได้ตัดสินว่า เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ควรได้รับความคุ้มครองจากการถูกดำเนินคดีการสังหารนายจามาล คาช็อกกี นักข่าวของวอชิงตันโพสต์ ซึ่งคู่หมั้นของนายคาช็อกกีเป็นผู้ยื่นฟ้อง แม้คณะบริหารได้เคยระบุว่า พระองค์เป็นผู้บงการเหตุฆาตกรรมนายคาช็อกกี สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ทนายความสังกัดกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ยื่นคำขอต่อศาลตามที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเรียกร้อง เนื่องจากเจ้าชายโมฮัมเหม็ดเพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของซาอุดีอาระเบีย ซึ่งทำให้พระองค์มีคุณสมบัติในการได้รับความคุ้มครองในฐานะผู้นำรัฐบาลต่างประเทศ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ทำการยื่นเอกสารเพื่อร้องขอต่อศาลในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (17 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เพียงไม่นานก่อนถึงกำหนดเส้นตายของศาลที่กำหนดให้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐต้องแสดงมุมมองต่อคำถามเรื่องความคุ้มกัน และข้อโต้แย้งอื่น ๆ ของเจ้าชายโมฮัมเหม็ดเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกดำเนินคดีดังกล่าว “เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน นายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบียทรงดำรงตำแหน่งผู้นำรัฐบาล ดังนั้นจึงทรงได้รับความคุ้มครองจากการถูกดำเนินคดีในครั้งนี้” กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุในเอกสาร ในขณะเดียวกันก็ประณามว่า เหตุฆาตกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องที่เลวร้าย ทั้งนี้ ท่ามกลางปัญหาเงินเฟ้อสูงจากผลพวงของราคาน้ำมันแพง คณะบริหารภายใต้การนำของปธน.ไบเดนได้พยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยถือเป็นการเปลี่ยนแปลงจุดยืนครั้งสำคัญของปธน.ไบเดนซึ่งเคยให้คำมั่นว่าจะทำให้ซาอุดีอาระเบียกลายเป็น “พวกนอกคอก” จากกรณีการฆาตกรรมนายคาช็อกกี โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 พ.ย. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
CENTEL อยู่ระหว่างทำแผนปี 66 วางงบขยายสาขาร้านอาหาร-รร., M&A หลังชะลอช่วงโควิด : อินโฟเควสท์นายกันย์ ศรีสมพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน และรองประธานฝ่ายการเงินและบริหาร บมจ.โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการทำแผนการดำเนินงานปี 66 โดยเบื้องต้นบริษัทคาดว่าผลประกอบการจะมีการเติบโตได้ค่อนข้างดี โดยได้รับปัจจัยหนุนทั้งจากธุรกิจโรงแรม และ ธุรกิจร้านอาหาร หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น ส่งผลให้การเดินทางระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะเห็นได้จากเที่ยวบินต่างๆที่เริ่มฟื้นตัวมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้บริษัทยังคงติดตามสถานการณ์ในประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง และมีความคาดหวังว่าจะเริ่มกลับมาเปิดประเทศได้ในปี 66 ซึ่งบริษัทคาดหวังว่าจะเข้ามาสนับสนุนจำนวนนักท่องเที่ยวให้มีการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังปี 66 ทั้งนี้บริษัทได้วางงบลงทุนในปี 66 ไว้ราว 6,000 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการขยายสาขาร้านอาหารในเครือ รวมไปถึงการขยายและปรับปรุงโรงแรม จากที่ก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ชะลอการลงทุนไปเนื่องจากไม่มีความมั่นใจต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีงบลงทุนสำหรับรองรับการเข้าซื้อกิจการ(M&A) เข้ามาเพิ่มเติมด้วย สำหรับแผนการขยายโรงแรมในช่วงระยะเวลา 5 ปีต่อจากนี้ (65-69) มีทั้งหมด 42 แห่ง รวมมีจำนวนห้องเพิ่มขึ้นอีก 9,141 ห้อง แบ่งเป็นการขยายโรงแรมในรูปแบบการเป็นเจ้าของเอง และ ร่วมลงทุน จำนวน 4 แห่ง ส่วนที่เหลืออีก 38 แห่ง เป็นรูปแบบของการรับจ้างบริหาร …
อ่านเพิ่มเติม »