ชาวจีนจำนวนมากแห่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลตรุษจีนในปีนี้ เนื่องจากชาวจีนสามารถเดินทางภายในประเทศได้อย่างอิสระอีกครั้ง หลังทางการจีนยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด กระทรวงคมนามคมจีนระบุว่า ยอดการเดินทางภายในประเทศของชาวจีนแตะกว่า 520 ล้านครั้ง ทั้งทางถนน รถไฟ น้ำ และอากาศในช่วง 13 วันแรกของช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ซึ่งสูงกว่ายอดการเดินทางในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ที่ระดับ 351 ล้านครั้ง และเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับของปี 2564 อย่างไรก็ตาม ยอดการเดินทางยังคงลดลง 47% จากระดับก่อนโควิด-19 ระบาดในจีนเมื่อปี 2562 เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมจีนแถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันพฤหัสบดี (19 ม.ค.) ว่า ผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะขับรถส่วนตัวกลับบ้านแทนการใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟ โดยจีนมียอดการใช้รถยนต์ส่วนตัวทั้งหมด 320 ล้านคันบนทางหลวงของประเทศระหว่างวันที่ 7-18 ม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 และสูงกว่าปี 2562 ถึง 12% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ชาวจีนจำนวนมากเดินทางกลับบ้านเกิดในช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากที่รัฐบาลเลิกบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 แบบกะทันหันเมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค. โดยแม้ว่าวันหยุดราชการจะอยู่ระหว่างวันที่ 21-27 […]
ชาวจีนจำนวนมากแห่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลตรุษจีนในปีนี้ เนื่องจากชาวจีนสามารถเดินทางภายในประเทศได้อย่างอิสระอีกครั้ง หลังทางการจีนยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด
กระทรวงคมนามคมจีนระบุว่า ยอดการเดินทางภายในประเทศของชาวจีนแตะกว่า 520 ล้านครั้ง ทั้งทางถนน รถไฟ น้ำ และอากาศในช่วง 13 วันแรกของช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ซึ่งสูงกว่ายอดการเดินทางในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 ที่ระดับ 351 ล้านครั้ง และเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับของปี 2564 อย่างไรก็ตาม ยอดการเดินทางยังคงลดลง 47% จากระดับก่อนโควิด-19 ระบาดในจีนเมื่อปี 2562
เจ้าหน้าที่กระทรวงคมนาคมจีนแถลงต่อสื่อมวลชนเมื่อวันพฤหัสบดี ว่า ผู้คนจำนวนมากเลือกที่จะขับรถส่วนตัวกลับบ้านแทนการใช้บริการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟ โดยจีนมียอดการใช้รถยนต์ส่วนตัวทั้งหมด 320 ล้านคันบนทางหลวงของประเทศระหว่างวันที่ 7-18 ม.ค. ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2565 และสูงกว่าปี 2562 ถึง 12%
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ชาวจีนจำนวนมากเดินทางกลับบ้านเกิดในช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากที่รัฐบาลเลิกบังคับใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 แบบกะทันหันเมื่อช่วงต้นเดือนธ.ค. โดยแม้ว่าวันหยุดราชการจะอยู่ระหว่างวันที่ 21-27 ม.ค. แต่แรงงานจำนวนมากหยุดงานนานกว่านั้น ส่งผลให้เกิดภาวะติดขัดขึ้นที่โรงงานผลิตสินค้าในเดือนนี้และอาจจะส่งผลกระทบไปจนถึงช่วงต้นเดือนก.พ.
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ตลาดทุนไทยปี 65 เนื้อหอม บจ.แห่ระดมทุนหนุนมาร์เก็ตแคปขึ้นชั้นนำอาเซียน จ่อรอไฟเขียวอีกกว่า 100 : อินโฟเควสท์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะตลาดทุน ประจำเดือนธ.ค.65 พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.65 มีการระดมทุนเสนอขาย IPO จำนวน 42 หลักทรัพย์ คิดเป็นมูลค่าเสนอขาย 127,835.82 ล้านบาท โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเสนอขาย 3 อันดับแรก คือ กลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง, กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร และกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร ขณะที่มีคำขอที่ได้รับอนุญาตและพร้อมเสนอขาย IPO จำนวน 11 หลักทรัพย์ และอยู่ระหว่างการพิจารณาคำขอ 15 หลักทรัพย์ และมีจำนวน 84 หลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่าง Pre-consult ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดทุนเป็นแหล่งทุนที่สำคัญและยังมีการระดมทุนผ่านตลาดทุนต่อเนื่อง ส่งผลให้ตลาดทุนไทยมีมูลค่าระดมทุนและมูลค่าการซื้อ-ขายต่อวันสูงเป็นอันดับหนึ่ง รวมถึงมี Market Capitalization สูงเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศในกลุ่มอาเซียน (ข้อมูลเปรียบเทียบ ณ สิ้นเดือนพ.ย.65) สำหรับการระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น มีจำนวน 1 บริษัท คือ Destiny token ซึ่งมีมูลค่าการเสนอขาย 265.23 ล้านบาท […]
อ่านเพิ่มเติม »
'เน็ตฟลิกซ์' เผยจำนวนสมาชิกทั่วโลกสูงกว่าคาดใน Q4/65 หนุนราคาหุ้นพุ่ง 7% : อินโฟเควสท์บริษัทเน็ตฟลิกซ์ ผู้ให้บริการสตรีมมิงภาพยนตร์รายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนสมาชิกทั่วโลกของเน็ตฟลิกซ์ในไตรมาส 4/2565 เพิ่มขึ้นมากกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นเน็ตฟลิกซ์พุ่งขึ้นกว่า 7% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วงเช้านี้ แม้ว่ากำไรต่อหุ้นของบริษัทออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ก็ตาม นอกจากนี้ เน็ตฟลิกซ์ประกาศว่า นายรีด แฮสติงส์ จะลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) แต่จะยังทำหน้าที่ประธานบริษัท ส่วนนายเทด ซาแรนดอส จะยังคงอยู่ในตำแหน่งซีอีโอร่วม (co-CEO) ขณะที่นายเกร็ก ปีเตอร์ส จะเข้ามาดำรงตำแหน่งซีอีโอร่วมแทนนายแฮสติงส์ ทั้งนี้ เน็ตฟลิกซ์ระบุว่า บริษัทมีกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 4/2565 อยู่ที่ 12 เซนต์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ของรีฟินิทิฟ (Refinitiv) คาดการณ์ไว้ที่ 45 เซนต์ และรายได้อยู่ที่ 7.85 พันล้านดอลลาร์ สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 7.85 พันล้านดอลลาร์ ส่วนจำนวนสมาชิกทั่วโลกของเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 7.66 ล้านราย สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 4.57 ล้านราย เน็ตฟลิกซ์ระบุว่า ซีรีส์ใหม่ ๆ เช่น “Wednesday” รวมทั้งสารคดีที่สร้างจากเรื่องจริงอย่าง “Harry […]
อ่านเพิ่มเติม »
BAY แจง 'เงินติดล้อ' กดดันกำไรสุทธิปี 65 แม้ผลงานปกติโตกว่า 20% หลังตั้งสำรองลดลง-NIM ดีขึ้น : อินโฟเควสท์ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยผลประกอบการของปี 65 มีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ 30,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อนหน้า สนับสนุนโดยการลดลงของภาระการตั้งสำรอง และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ตามการเติบโตของสินเชื่อในกลุ่มที่มีอัตราผลตอบแทนสูงและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิปรับตัวดีขึ้น เงินให้สินเชื่อของกรุงศรีเติบโตอย่างทั่วถึงและครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้าในปี 2565 โดยสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งที่ 3.8% และ 5.3% ตามลำดับ สะท้อนการปรับตัวดีขึ้นของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการลงทุนภาคเอกชน ที่ช่วยกระตุ้นความต้องการเงินทุนหมุนเวียนและสภาพคล่องของภาคธุรกิจ กอปรกับการบริหารจัดการโครงสร้างทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพของธนาคาร ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิและส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มสูงขึ้น สรุปผลประกอบการและฐานะการเงินที่สำคัญสำหรับปี 2565: กำไรสุทธิจากการดำเนินงานตามปกติในปี 65 จำนวน 30,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.9% หรือ 5,104 ล้านบาท จากปี 64 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการปรับตัวดีขึ้นของภาระการตั้งสำรองและการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของเงินให้สินเชื่อ และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นในระหว่างปี หากรวมรายการพิเศษจากการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนจากการขายหุ้นของ บมจ.เงินติดล้อ ในปี 64 กำไรสุทธิลดลง 9.1% หรือจำนวน 3,081 ล้านบาท เงินให้สินเชื่อรวม เพิ่มขึ้น 3.1% หรือจำนวน 59,033 […]
อ่านเพิ่มเติม »
HILITE: KBANK ร่วงหนัก 5.54% นำกลุ่มแบงก์ใหญ่ ผิดหวังผลงานปี 65 แย่กว่าคาด-ห่วงคุณภาพสินทรัพย์ : อินโฟเควสท์KBANK ร่วงนำกลุ่มแบงก์ใหญ่ หลังนักลงทุนผิดหวังผลการดำเนินงานปี 65 ออกมาต่ำกว่าคาด โดยเมื่อเวลา 10.03 น. ราคาหุ้นปรับตัวลงมา 5.54% หรือลดลง 8.50 บาท มาที่ 145.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 2.12 ล้านบาท บล.กรุงศรี ปรับลดคำแนะนำหุ้น ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เป็น “under review” เนื่องจากผลประกอบการน่าผิดหวัง ปรับลดคำแนะนำจาก “ซื้อ” (จากเดิม 180 บาท ที่ PB 0.7x) เป็น “under review” และให้มุมมองเชิงลบ มองว่าหุ้น KBANK อาจจะถูกเทขายหนักหลังประกาศผลประกอบการออกมาน่าผิดหวัง และน่าจะยังต้องใช้เวลาสักระยะเพื่อฟื้นความมั่นใจกับนักลงทุนโดยเฉพาะความกังวลในประเด็นคุณภาพสินทรัพย์ นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ปี 65 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 35,770 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน […]
อ่านเพิ่มเติม »
เศรษฐกิจเกาหลีใต้อาจหดตัว 0.3% ใน Q4/65 ย่ำแย่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง : อินโฟเควสท์นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลักของเกาหลีใต้จะหดตัวในไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นภาวะที่ย่ำแย่ที่สุดในรอบ 2 ปีครึ่ง เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศลดลงและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อการบริโภคของภาคเอกชน สำนักข่าวรอยเตอร์เปิดเผยผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์ 21 รายในวันนี้ (20 ม.ค.) บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชียนั้น อาจหดตัวลง 0.3% ในไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) ของปี 2565 เมื่อปรับตามฤดูกาล หลังจากขยายตัว 0.3% ในไตรมาส 3 ซึ่งการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นจริง ก็จะถือเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางปี 2563 ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เมื่อเทียบเป็นรายปี ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) มีแนวโน้มเติบโต 1.5% ในไตรมาส 4 โดยลดลงครึ่งหนึ่งจากการเติบโต 3.1% ในไตรมาส 3 ทั้งนี้ เกาหลีใต้จะเปิดเผยข้อมูล GDP ไตรมาส 4/2565 ในวันที่ 26 ม.ค. “แนวโน้มการเติบโตในระยะสั้นยังคงมีความท้าทายท่ามกลางวัฏจักรขาลงของธุรกิจเทคโนโลยีทั่วโลก และตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ตกต่ำลง โดยแนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางเกาหลีใต้ระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” […]
อ่านเพิ่มเติม »
BBL แจง NIM เพิ่ม-สินเชื่อขยาย-ตั้งสำรองลดดันกำไรปี 65 โต 10.6% แม้รายได้ไม่ใช่ดอกเบี้ยวูบ : อินโฟเควสท์ธนาคารกรุงเทพ (BBL) และบริษัทย่อย รายงานกำไรสุทธิปี 65 จำนวน 29,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 24.4% ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินให้สินเชื่อและการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.42% สอดคล้องกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ยและการบริหารจัดการสภาพคล่องของธนาคาร ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 30% ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงินซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจากธุรกิจหลักทรัพย์ และบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อและบริการการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 49.7% ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาตั้งสำรอง ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 32,647 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปีก่อน ธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังในการตั้งสำรอง โดยพิจารณาความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า BBL ยังคงแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ณ สิ้นเดือน ธ.ค.65 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,682,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากสิ้นปี 64 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ 3.1% ทั้งนี้ […]
อ่านเพิ่มเติม »