จีนขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งรถยนต์ไฟฟ้านำเข้าในนิวซีแลนด์ จีน นิวซีแลนด์ รถยนต์ไฟฟ้า อินโฟเควสท์
สำนักข่าวซินหัวรายงานข้อมูลของสำนักงานสถิติของนิวซีแลนด์ซึ่งระบุว่า จีนครองตำแหน่งผู้นำการนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้าสู่นิวซีแลนด์ โดยจีนครองส่วนแบ่งการนำเข้าสูงถึง 58% ในช่วง 12 เดือนที่นับถึงเดือนมี.ค. 2566
รายงานระบุว่า กลุ่มประเทศที่ครองส่วนแบ่งการนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้าสู่นิวซีแลนด์ในช่วง 12 เดือนข้างต้นสูงสุด 4 อันดับแรก เมื่อเรียงตามมูลค่าการนำเข้า ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น โดยการนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้าของนิวซีแลนด์ยังคงเพิ่มขึ้น และการนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในช่วง 12 เดือนข้างต้น
มูลค่ารวมของยานยนต์นั่งส่วนบุคคลที่นำเข้าในช่วง 12 เดือนข้างต้นอยู่ที่ 6.8 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อน และเป็นมูลค่ายานยนต์นำเข้าสูงสุดในทุกช่วง 12 เดือนข้างต้นที่ผ่านมา ขณะการนำเข้ายานยนต์ที่ลดการปล่อยมลพิษทุกประเภทล้วนเพิ่มขึ้น โดยการนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 127%
การนำเข้ายานยนต์ไฟฟ้าไฮบริด และยานยนต์ไฟฟ้าไฮบริดปลั๊กอิน เพิ่มขึ้น 79% และ 123% ตามลำดับ ส่วนการนำเข้ายานยนต์สันดาปภายในสำหรับขนส่งผู้โดยสารทั้งหมดโดยรวมเพิ่มขึ้น 1.7% การนำเข้ายานยนต์นั่งส่วนบุคคลที่ปล่อยมลพิษน้อยลง นับตั้งแต่กลางปี 2563 เพิ่มขึ้นจากส่วนแบ่ง 8.2% เป็น 37% ของมูลค่ายานยนต์นั่งส่วนบุคคลนำเข้าในช่วง 12 เดือนข้างต้นโดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ราคาน้ำมัน WTI ลดลง กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย-วิตกเศรษฐกิจจีน : อินโฟเควสท์สัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนแอ ณ เวลา 18.02 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.68 ดอลลาร์ หรือ 2.19% สู่ระดับ 75.10 ดอลลาร์/บาร์เรล ทั้งนี้ เฟดมีกำหนดจัดการประชุมในวันที่ 2-3 พ.ค. โดย FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.7% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% และให้น้ำหนักเพียง 14.3% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.75-5.00% ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตอยู่ที่ระดับ 49.2 ในเดือนเม.ย. ลดลงจากระดับ […]
อ่านเพิ่มเติม »
ศูนย์วิจัยกสิกรฯ คาดประชุม FOMC 2-3 พ.ค.อาจขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้าย : อินโฟเควสท์ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดที่ประชุม FOMC ในวันที่ 2-3 พ.ค.นี้น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 5.00-5.25% ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้ ท่ามกลางภาวะสินเชื่อตึงตัว (Credit tightening) อันเป็นผลมาจากปัญหาภาคธนาคารและการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวและอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยบางไตรมาสในระยะข้างหน้า แม้เงินเฟ้อจะลดลงอย่างต่อเนื่องแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ประกอบกับตลาดแรงงานที่ยังคงแข็งแกร่งในปัจจุบันยังคงเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เฟดยังคงปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC วันที่ 2-3 พ.ค.นี้ แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงหลัง GDP ในไตรมาส 1/2566 ขยายตัว 1.1% (Annualized QoQ) ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 2.0% (Annualized QoQ) ทั้งนี้อาจเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นรอบนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายไปแตะระดับสูงสุดที่ 5.00-5.25% สอดคล้องกับ Fed Dot Plot ที่ออกมาในการประชุมรอบก่อนหน้านี้ แม้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะยังอยู่ในระดับสูง แต่การชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญของเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประกอบทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อ่อนแรงลง เนื่องจากผลกระทบของการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างแข็งกร้าวของเฟดในช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มสินเชื่อตึงตัว (Credit tightening) ท่ามกลางความเสี่ยงจากปัญหาในภาคธนาคารสหรัฐฯ คาดว่าจะส่งผลให้เฟดให้น้ำหนักต่อความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากขึ้นและพิจารณาหยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหลังการประชุม FOMC […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66: ทีดีอาร์ไอชำแหละนโยบายหาเสียงหมกเม็ด เสี่ยงก่อหนี้ท่วม : อินโฟเควสท์สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เผยนโยบายหาเสียงเกือบทุกพรรคน่าจะทำให้มีการใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นจนขาดดุลงบประมาณอย่างมากในช่วง 4 ปีข้างหน้า นอกจากจะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วยังอาจทำให้เศรษฐกิจขาดเสถียรภาพเพราะขยายตัวในระดับที่ร้อนแรงเกินไป ภายใต้สภาพที่ความเสี่ยงของเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ (demand-pull inflation) ยังไม่ผ่อนคลายและอาจเร่งตัวขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้เงินเฟ้อด้านอุปทาน (supply-side inflation) ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้จากการที่พลังงานมีราคาเพิ่มสูงขึ้นจะผ่อนคลายไปแล้วก็ตาม หากเงินเฟ้อขยับสูงขึ้นต่อเนื่องจนไม่สามารถควบคุมได้จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ถูกบังคับให้ต้องปรับสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของธุรกิจและซ้ำเติมภาวะหนี้ครัวเรือนซึ่งอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มเปราะบางที่พรรคการเมืองต้องการช่วยเหลือกลับได้รับผลกระทบในด้านลบ โดยข้อมูลที่พรรคการเมืองรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มี 4 พรรคที่ต้องใช้งบประมาณมากในระดับ 1 ล้านล้านบาท ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย 1.9 ล้านล้านบาท, พรรคเพื่อไทย 1.8 ล้านล้านบาท, พรรคก้าวไกล 1.3 ล้านล้านบาท และพรรคพลังประชารัฐ 1 ล้านล้านบาท แต่ข้อมูลที่พรรคการเมืองนำเสนอต่อประชาชนยังไม่สมบูรณ์ เช่น 1.บางพรรคการเมืองหาเสียงโดยใช้นโยบายที่ไม่ปรากฏอยู่ในรายการนโยบายที่รายงานต่อ กกต.ทั้งที่หลายนโยบายก่อให้เกิดภาระทางการเงินสูงมาก จึงเป็นการให้ข้อมูลต่อประชาชนไม่ครบถ้วนอย่างมีนัยสำคัญ 2.หลายพรรคการเมืองอ้างที่มาแหล่งของเงินว่ามาจากการจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่ในปัจจุบันใหม่ โดยไม่ให้รายละเอียดว่าจะตัดลดส่วนใดและจะมีโอกาสได้เม็ดเงินจากการตัดลดมาใช้ในการดำเนินนโยบายที่เสนอมากเพียงใด ทำให้ประชาชนไม่เห็นผลกระทบอย่างครบถ้วน กล่าวคือเห็นแต่สิ่งที่จะได้รับแต่ไม่เห็นสิ่งที่ต้องสูญเสียไป เช่นเดียวกันกับบางพรรคการเมืองระบุว่าจะมีรายได้มาจากภาษีเพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้ระบุว่าจะมาจากภาษีใด จัดเก็บจากกลุ่มเป้าหมายใด และจะมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับรายได้ตามเป้าหมายเพียงใด 3.ทุกพรรคการเมืองระบุแหล่งที่มาของเงินรายนโยบายโดยไม่ได้แสดงภาพรวม ทำให้ไม่เห็นภาพรวมของความพอเพียงของแหล่งเงิน […]
อ่านเพิ่มเติม »
ดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวกเล็กน้อย จับตาเจพีมอร์แกนซื้อเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ : อินโฟเควสท์ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนจับตาสถานการณ์เจพีมอร์แกนเข้าซื้อกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ ณ เวลา 17.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 7 จุด หรือ 0.02% สู่ระดับ 34,207 จุด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า หน่วยงานกำกับดูแลจะเข้าควบคุมธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB) และให้เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เข้าซื้อกิจการ FRB หลังจากที่ FRB ลงทุนผิดพลาดและลูกค้าแห่ถอนเงินออกจากธนาคารจนเกิดความเสียหายต่อภาคธนาคารในระดับภูมิภาค กรมคุ้มครองการเงินและนวัตกรรมแห่งแคลิฟอร์เนีย (DFPI) ออกแถลงการณ์ว่า เจพีมอร์แกนจะ “รับเอาเงินฝากทั้งหมด รวมถึงเงินฝากที่ไม่ได้รับความคุ้มครองทั้งหมด ตลอดจนสินทรัพย์ที่สำคัญทั้งหมด” ของ FRB DFPI ได้เลือกให้บรรษัทรับประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) เป็นเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของ FRB “เงินฝากจะได้รับการคุ้มครองโดยรัฐบาลกลางผ่าน FDIC ตามวงเงินที่กำหนด” การเข้าซื้อ FRB ครั้งนี้จะทำให้เจพีมอร์แกนซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐมีขนาดใหญ่ยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งที่ตามปกติแล้ว ข้อจำกัดด้านกฎระเบียบของสหรัฐจะบังคับขนาดและสัดส่วนฐานเงินฝากของเจพีมอร์แกนไม่ให้ใหญ่ไปกว่านี้ นอกจากนี้ ยังขัดแย้งกับท่าทีก่อนหน้านี้ของผู้แทนจากพรรคเดโมแครตคนสำคัญและฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน […]
อ่านเพิ่มเติม »
สหรัฐ-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ เตรียมประชุมสุดยอดไตรภาคีที่ฮิโรชิมาเดือนนี้ : อินโฟเควสท์ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เตรียมจัดการประชุมไตรภาคีร่วมกับผู้นำญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในเดือนนี้ที่เมืองฮิโรชิมา ในโอกาสที่เขาเดินทางเยือนญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G7 แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐไม่ได้ระบุเวลาที่ชัดเจนของการประชุมไตรภาคี แต่หลายฝ่ายคาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 21 พ.ค. ซึ่งเป็นวันปิดการประชุมสุดยอด G7 ก่อนที่นายไบเดนจะเดินทางออกจากญี่ปุ่นไปยังออสเตรเลีย สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นายไบเดนและประธานาธิบดียุน ซอกยอล ผู้นำเกาหลีใต้ ตกลงกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วระหว่างการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวว่า ทั้งสองฝ่ายจะยกระดับความร่วมมือไตรภาคีกับญี่ปุ่นเพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ นอกจากนี้ นายไบเดนได้กล่าวยกย่อง “ความกล้าหาญทางการเมือง” ของนายยุนในการทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ผู้นำญี่ปุ่น เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ตึงเครียดมานานหลายปีอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ ผู้นำเกาหลีใต้เดินทางเยือนญี่ปุ่นเมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้นำญี่ปุ่นกำลังพิจารณาว่าจะเดินทางเยือนเกาหลีใต้เช่นกัน โดยครั้งล่าสุดที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเยือนเกาหลีใต้คือเมื่อครั้งที่นายชินโซ อาเบะ เข้าร่วมพิธีเปิดมหกรรมโอลิมปิกฤดูหนาวในปี 2561 โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 พ.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE iconLine
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:เพื่อไทย ลั่นเป็นรัฐบาลให้เอาบัตรคนจนแปะข้างฝา : อินโฟเควสท์นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาททันทีในปีหน้า และภายใน 4 ปี ค่าแรงจะปรับขึ้นเป็น 600 บาท สำหรับเงินเดือนปริญญาตรีจะปรับขึ้น 25,000 บาทภายในระยะเวลา 4 ปี เช่นเดียวกัน สำหรับราคาพืชผลทางการเกษตรถือเป็นเรื่องสำคัญ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะได้เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นโยบายนี้มีคนบอกว่าเราทำไม่ได้ จะผิดกฎหมาย ขออย่าเชื่อ ขอให้พี่น้องเชื่อใจ พรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น “พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายยกเลิกบัตรคนจน แต่เรามั่นใจว่าบัตรคนจนจะหมดไป เมื่อพี่น้องร่ำรวยขึ้น ให้พี่น้องเอาบัตรคนจนแปะข้างฝา ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ดูต่างหน้าว่าเขาตราหน้าว่าเราเป็นคนจน แต่พรรคเพื่อไทย จะทำให้พี่น้องเราหลุดพ้นจากความเป็นคนจน” นายเศรษฐา กล่าวปราศรัยที่จังหวัดสกลนคร ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐาได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า เป้าหมายของการสร้างรถไฟฟ้าเปลี่ยนไปจากเดิมที่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้ แต่รถไฟฟ้ากลายเป็นระบบขนส่งของของชนชั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น จากค่าบริการที่คิดเป็น 22% ของค่าแรงต่อวัน […]
อ่านเพิ่มเติม »