ก.อุตสาหกรรม ญี่ปุ่น เล็งสั่ง 4 ยักษ์ใหญ่ด้าน พลังงาน ปรับระบบการทำงานเหตุส่อแววผูกขาด อินโฟเควสท์
กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นอยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องการออกคำสั่งให้บริษัทพลังงานรายใหญ่ทั้ง 4 บริษัทให้ปรับปรุงระบบการดำเนินงาน ภายหลังจากที่ได้จัดตั้งกลุ่มธุรกิจเพื่อจำหน่ายไฟฟ้าแบบผูกขาดขึ้นมา ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎหมายต้านการผูกขาด
สำนักข่าวเกียวโดรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า บริษัทพลังงานเหล่านี้จะส่งรายงานเกี่ยวกับวิธีการที่บริษัทได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มธุรกิจดังกล่าวถึงกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ภายในวันพุธที่จะถึงนี้ โดยบริษัททั้ง 3 บริษัทจากจำนวนบริษัท 4 บริษัทที่ตกเป็นข่าว ได้แก่ ชูบุอิเล็กทริกพาวเวอร์, ชูโกคุอิเล็กทริกพาวเวอร์ และคิวชูอิเล็กทริกพาวเวอร์ ถูกสั่งให้จ่ายค่าปรับ 1.01 แสนล้านเยน หรือ 764 ล้านดอลลาร์โดยคณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรม ซึ่งถือเป็นวงเงินที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ที่ได้มีการสั่งการโดยคณะกรรมการฯ
บริษัทคันไซอิเล็กทริกพาวเวอร์ซึ่งก่อตั้งขึ้นร่วมกับบริษัททั้ง 3 แห่ง ได้รับการยกเว้นจากการลงโทษ ภายหลังจากที่ได้รายงานเรื่องการละเมิดก่อนที่ทางคณะกรรมการฯจะเริ่มการสอบสวน ทั้งนี้ ญี่ปุ่นได้เปิดกว้างตลาดไฟฟ้าเป็นระยะ ๆ มาตั้งแต่ปี 2543 เพื่อยุติการผูกขาดบริษัทพลังงานไฟฟ้า และช่วยลดค่าไฟ ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ก.ล.ต. ปรับปรุงแนวทางเปิดเผยข้อมูล REITs ด้าน ESG สร้างคุณค่าอย่างยั่งยืน : อินโฟเควสท์สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มองว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนและการลงทุนที่รับผิดชอบเป็นเป้าหมายหลักที่องค์การสหประชาชาติและทั่วโลกให้ความสำคัญ และกำหนดให้เป็นนโยบายเชิงวิสัยทัศน์หลักของแต่ละประเทศ ภาคธุรกิจซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาและเติบโตทางเศรษฐกิจจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมีบทบาทในการขับเคลื่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าวเช่นกัน ดังนั้น ผู้ประกอบกิจการซึ่งรวมถึงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ที่มุ่งเน้นกำไรเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถนำพาให้ธุรกิจสามารถแข่งขันและเติบโตได้ในระยะยาว หากแต่จำเป็นต้องสร้างคุณค่าให้แก่กิจการอย่างยั่งยืนด้วยการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) เพื่อตอบโจทย์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงผู้ลงทุนที่ไม่เพียงแต่พุ่งความสนใจไปที่สินทรัพย์ประเภท ESG เท่านั้น ยังใช้ปัจจัยด้านความยั่งยืนมาจัดอันดับภาคธุรกิจเพื่อเลือกลงทุนอีกด้วย นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โครงสร้างประชากร สถานการณ์โรคอุบัติใหม่ และการเปลี่ยนถ่ายของยุคสมัยที่กำลังเข้าสู่ยุคดิจิทัลล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบธุรกิจต้องเร่งปรับตัวภายใต้ปัจจัยการเปลี่ยนแปลง ซึ่งรวมถึงการกำหนดนโยบาย การประเมินผลการดำเนินงาน และการจัดการผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจ รวมไปถึงการรายงานและเปิดเผยข้อมูลความยั่งยืนในด้าน ESG เพื่อสื่อสารกับผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียว่า กิจการได้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม ความโปร่งใส ศักยภาพในการแข่งขัน และการสร้างผลตอบแทนในระยะยาวร่วมด้วย โดยจะเห็นว่าปัจจุบันบริษัทจดทะเบียนทั่วโลกถูกกำหนดให้เปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน ทั้งในรูปแบบของภาคบังคับ (mandatory disclosure) อย่างเช่น สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร แคนาดา ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย หรือรูปแบบการปฏิบัติตามหรืออธิบาย เช่น สหรัฐอเมริกา (comply or […]
อ่านเพิ่มเติม »
โปรแกรมสุดระห่ำ! 'อเดซานย่า' ขอล้างตาทวงแชมป์จาก 'เปเรย์ร่า' ศึก UFC 287 วันอาทิตย์นี้UFC องค์กรศิลปะป้องกันตัวและการต่อสู้แบบผสมผสานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เตรียมระเบิดศึกการต่อสู้สุดมันประจำเดือนมีนาคม
อ่านเพิ่มเติม »
ผู้เชี่ยวชาญ รีบออกเตือน หลังชาว สุโขทัย ขุดบ่อ เจอน้ำรสซ่าจากกรณี ชาวบ้านในพื้นที่ จ.สุโขทัย ขุดบ่อบาดาล และเจอน้ำที่มีรสชาติคล้ายโซดา มีรสซ่า ไร้กลิ่น ในสวนหลังบ้าน ซึ่งชาวบ้าน คาดว่า เป็น น้ำโซดาผุด เหมือนในพื้นที่ ก
อ่านเพิ่มเติม »
สังคมสูงอายุมาเร็วกว่าคาด โจทย์สำคัญภาคธุรกิจไทยและรัฐบาลใหม่ : อินโฟเควสท์ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ไทยจะก้าวเป็นสังคมสูงอายุขั้นสุดยอดหรือ Super-Aged Society ในปี 72 เร็วขึ้นกว่าเดิม หลังประชากรไทยเริ่มลดจำนวนลงมาแล้ว 3 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 63-65 อัตราการเกิดและภาวะเจริญพันธุ์มีแนวโน้มลดต่ำลงต่อเนื่อง และการปรับโครงสร้างเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรนี้ จะกระทบรายได้สุทธิของภาคธุรกิจ รวมทั้งรูปแบบการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการ ให้จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงไป โดยผู้ประกอบการอาจต้องเล็งตลาดที่กว้างกว่าระดับในประเทศ ควบคู่กับการปรับทักษะแรงงานและใช้เทคโนโลยี ซึ่งผู้ประกอบการที่ปรับตัวได้เร็วและมองอย่างครบด้าน มีโอกาสสร้างรายได้สุทธิให้เติบโต ไม่เพียงภาคธุรกิจ ประเด็นนี้คงเป็นโจทย์สำคัญที่รอการจัดการของรัฐบาลชุดใหม่เช่นกัน เนื่องจากจะมีผลต่อทิศทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงแผนงานด้านสวัสดิการต่างๆ ในช่วงข้างหน้า สำหรับไทยนั้น มีประเด็นการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเช่นกัน ซึ่งคงเป็นโจทย์สำคัญที่ภาคธุรกิจและรัฐบาลชุดใหม่ต้องเร่งจัดการ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีมุมมองต่อประเด็นนี้ ดังนี้ 1.ประชากรไทยมีจำนวนลดลงแล้วตั้งแต่ปี 63 ซึ่งเร็วขึ้นถึง 9 ปีเมื่อเทียบกับที่เดิมเคยคาดกันว่าจะเริ่มลดลงในปี 72 และจำนวนที่ลดลงนี้เกิดขึ้นติดต่อกันแล้ว 3 ปีในช่วงปี 63-65 โดยจำนวนผู้เสียชีวิตเริ่มแซงหน้าจำนวนเด็กเกิดใหม่ในปี 64-65 ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะการระบาดของโควิด 2.อัตราการเกิดและภาวะการเจริญพันธุ์ของไทยมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอัตราการเกิดอยู่ที่เพียง 0.76% ส่วนภาวะการเจริญพันธุ์อยู่ที่ประมาณ 1.33 ขณะที่ ประชากรรุ่น Baby Boomer […]
อ่านเพิ่มเติม »
นักลงทุนแห่ซบตลาดเอเชีย เชื่อเป็นแหล่งลงทุนปลอดภัย-ไม่ถูกกระทบจากวิกฤตแบงก์สหรัฐ : อินโฟเควสท์บรรดานักลงทุนพากันเข้าลงทุนในตลาดเอเชียเพราะเชื่อว่า จีนและประเทศตลาดเกิดใหม่อื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียมีแนวโน้มน้อยกว่าที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตธนาคารในสหรัฐ โดยพวกเขาคิดว่าการลงทุนในสินทรัพย์ในตลาดเอเชียนั้นเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ซิตี้แบงก์เปิดเผยผลการวิเคราะห์ภาวะการเงินทั่วโลกพบว่า ตลาดการเงินเอเชียได้รับผลกระทบจากวิกฤตธนาคารน้อยกว่าในสหรัฐ และสกุลเงินเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินในเอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (SVB) ของสหรัฐถูกสั่งปิดการดำเนินงาน ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารของสหรัฐร่วงลงเกือบ 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน โจฮันนา ชัว กรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและตลาดเอเชียแปซิฟิกของซิตี้แบงก์กล่าวว่า “เราคิดว่าเอเชียยังคงได้รับการปกป้องที่ค่อนข้างดี การชะลอตัวโดยมีสหรัฐเป็นศูนย์กลางนั้นหมายความว่า เงินดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนค่าลง ซึ่งจะสนับสนุนให้มีเงินทุนไหลเข้าเอเชียมากขึ้น” บรรดานักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า เหตุผลที่ภูมิภาคเอเชียเป็นแหล่งลงทุนที่ดีกว่าภูมิภาคอื่น ๆ ก็เพราะธนาคารกลางจำนวนมากในประเทศออสเตรเลีย, เกาหลีใต้, อินโดนีเซีย และอินเดียได้ยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะจีนกลายเป็นแหล่งลงทุนที่ดึงดูดนักลงทุนมากที่สุด เนื่องจากมีนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และเริ่มฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 หลังการเปิดประเทศ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ข้อมูลจากทีดี ซีเคียวริตี้บ่งชี้ว่า มีเงินทุน 5.5 พันล้านดอลลาร์ไหลเข้าสู่กองทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ในช่วง 4 สัปดาห์จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.ซึ่งนำโดยตลาดในภูมิภาคเอเชีย และมากกว่า 70% ของเงินทุนดังกล่าวนั้นไหลเข้าสู่ตลาดจีน ในขณะเดียวกัน หุ้นของตลาดที่พัฒนาแล้วมีเงินทุนไหลออกสุทธิ 8.6 พันล้านดอลลาร์ โดยตลาดสหรัฐได้รับผลกระทบหนักที่สุด โดย […]
อ่านเพิ่มเติม »