กลุ่มโรงไฟฟ้าโดดเด่นรับ Ft ขาขึ้น-ราคาก๊าซทรงตัว-ชิง PPA คึกคัก ดาโอ หุ้นโรงไฟฟ้า หุ้นไทย โรงไฟฟ้า อินโฟเควสท์
บล.ดาโอ ปรับน้ำหนักลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้าขึ้นเป็น “มากกว่าตลาด” หรือ Overweight จากเดิม “เท่ากับตลาด” โดยประเมินราคาก๊าซธรรมชาติจะไม่สูงไปกว่าระดับปัจจุบัน อย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 4/65 -ครึ่งปีแรกปี 66 จากการผ่าน high season การใช้พลังงานในยุโรป และการเข้า recession ของ US และ EU ในปี 2566
ในขณะที่ค่า Ft คาดว่ายังอยู่ในขาขึ้นเพื่อสะท้อนภาวะต้นทุนที่ปรับขึ้นและความสามารถของภาครัฐในการแบกรับภาระที่ลดลง ส่งผลให้ GPM โดยรวมของกลุ่มไฟฟ้ากลับมาขยายตัวได้และเห็นการฟื้นตัวได้แต่ไตรมาส 4/65 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมี positive sentiment จากโครงการพลังงานทดแทนในไทย 5.2GW ประกาศผลในช่วงครึ่งปีแรกปี 66 และแผนพัฒนาไฟฟ้าของเวียดนามเป็น short-term catalyst ราคาหุ้นกลุ่มไฟฟ้า outperform SET ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาราว +4% คาดมาจากแนวโน้มค่าก๊าซธรรมชาติมีแนวโน้มไม่สูงไปกว่าระดับปัจจุบัน ในขณะที่ค่า Ft อยู่ในขาขึ้น ทำให้ผลประกอบการกลับมาฟื้นตัวได้ และเชื่อว่าจะ outperform SET ต่อไปจากประเด็นดังกล่าว
ทั้งนี้ Top pick เลือก BGRIM จากแนวโน้มผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/65 และโครงการที่อยู่ระหว่างศึกษา 3.5GW หากสำเร็จเป็น upside และ SSP จาก additional income ของโรงไฟฟ้า adder จากการปรับขึ้นค่า Ft และ significant impact to bottom line หากได้โครงการใหม่เข้ามาหลังพอร์ตการลงทุนยังไม่ใหญ่ รวมถึงเป็นหุ้น laggard กลุ่มโดยเทรด PER เพียง 10X ถ้าเทียบค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ราว 20X
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
กกร.ห่วง! ขึ้นค่าไฟทำต้นทุนพุ่ง เล็งเสนอรัฐชะลอค่า Ft ม.ค.-เม.ย.66 : อินโฟเควสท์นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีความกังวลเกี่ยวกับอัตราค่าไฟฟ้าที่ กองทุนพัฒนาไฟฟ้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) ได้มีการเปิดรับฟังความเห็นแนวทางการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ของเดือนม.ค.-เม.ย. 66 ทั้ง 3 แนวทาง ตั้งแต่ 158-224 สตางค์/หน่วย (เพิ่มขึ้น 14-28%) กรณีมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในอัตราที่สูงมากถึงสองงวดติดต่อกัน ย่อมจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน และต้นทุนในการดำเนินธุรกิจทั้งภาคการผลิตและภาคบริการที่ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นการบั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันประเทศ ดังนั้น กกร. จึงเสนอขอให้รัฐบาลพิจารณาชะลอการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) ของเดือนม.ค.-เม.ย. 66 ออกไปก่อน เพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชนและภาคธุรกิจ เนื่องจากแนวโน้มราคาค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้าในปี 66 ตามข้อมูลจาก กกพ. จะมีแนวโน้มชะลอตัวและลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 66 สอดคล้องกับการผลิตก๊าซจากอ่าวไทยที่จะสามารถกลับมาผลิตได้มากขึ้นกว่าปัจจุบัน ก็จะทำให้ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่นำมาผลิตไฟฟ้าลดลงกลับเข้าสู่ภาวะปกติ “ขอให้รัฐพิจารณาหาโครงสร้างพลังงานที่เหมาะสม ให้ภาคธุรกิจและภาคบริการสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้” นายเกรียงไกร ทั้งนี้ นายสนั่น กล่าวเสริมว่า กกร. จะเสนอรัฐบาลเรื่องการตรึงค่าไฟภายใน 1-2 วันนี้ …
อ่านเพิ่มเติม »
จีนเล็งผ่อนคลายมาตรการโควิดเพิ่มเติมวันนี้ หลังยอดติดเชื้อลดต่อเนื่อง : อินโฟเควสท์สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า รัฐบาลจีนเตรียมประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 เพิ่มเติมในวันนี้ (7 ธ.ค.) ซึ่งครอบคลุมถึงการอนุญาตให้ผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 สามารถกักตัวอยู่ที่บ้านและให้ถือเป็นนโยบายที่บังคับใช้ทั่วประเทศ รวมทั้งการยกเลิกการตรวจเชื้อโควิด-19 ในกรณีที่ไม่จำเป็น ในขณะที่รัฐบาลยังคงเร่งผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ หลังจากเกิดการประท้วงต่อต้านทั่วประเทศเมื่อไม่นานมานี้ แหล่งข่าวระบุว่า หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่จะมีการประกาศในสัปดาห์นี้คือ การอนุญาตให้ผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่มีความเสี่ยงต่ำสามารถกักตัวอยู่ที่บ้านได้ แทนการถูกส่งตัวไปยังสถานที่กักตัวที่รัฐจัดเตรียมไว้ให้ นอกจากนี้ จะมีการยกเลิกการตรวจเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี PCR ยกเว้นในกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุว่า ทางการจีนอาจจะลดหรืออาจจะยกเลิกข้อกำหนดให้ประชาชนต้องสแกนรหัสสุขภาพผ่านทางแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนทุกครั้งที่จะเข้าใช้บริการในพื้นที่สาธารณะ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้เงินหยวนในตลาดออนชอร์ดีดตัวขึ้น 0.3% สู่ระดับ 6.98 หยวนต่อดอลลาร์ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปี ลดลง 0.01% คณะกรรมการด้านสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) เปิดเผยในวันนี้ (7 ธ.ค.) ว่า จีนพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 25,321 รายในวันอังคาร (6 ธ.ค.) โดยในจำนวนนี้เป็นผู้ติดเชื้อที่แสดงอาการ 4,409 ราย และไม่แสดงอาการ 20,912 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อในวันอังคารลดลงจากระดับ 28,062 รายในวันจันทร์ …
อ่านเพิ่มเติม »
จีนส่งออก-นำเข้าเดือนพ.ย.ต่ำกว่าคาด เหตุดีมานด์ชะลอตัว-ผลกระทบล็อกดาวน์ : อินโฟเควสท์สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานในวันนี้ (7 ธ.ค.) ว่า ยอดส่งออกเดือนพ.ย.หดตัวลง 8.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ไว้ว่าอาจลดลง 3.5% หลังจากที่ขยับลง 0.3% ในเดือนต.ค. โดยยอดส่งออกของจีนได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ทั่วโลกที่ชะลอตัวลง ขณะที่ยอดนำเข้าเดือนพ.ย.ร่วงลง 10.6% ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าอาจลดลง 6% หลังจากที่ปรับตัวลง 0.7% ในเดือนต.ค. โดยยอดนำเข้าของจีนได้รับแรงกดดันจากการอุปโภคบริโภคที่ทรุดตัวลงภายในประเทศ อันเป็นผลมาจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนพ.ย.ที่ 6.984 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.81 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่มียอดเกินดุลในเดือนต.ค.ที่ระดับ 8.515 หมื่นล้านดอลลาร์ โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ธ.ค. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
วิเคราะห์ชี้วิกฤตพลังงานฉุดเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ช่วงเลวร้ายสุดในรอบ 30 ปี : อินโฟเควสท์บลูมเบิร์ก อีโคโนมิกส์เปิดเผยรายงานการวิเคราะห์ฉบับใหม่ระบุว่า เศรษฐกิจโลกกำลังจะเผชิญกับปีที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 30 ปี เนื่องจากวิกฤตการณ์พลังงานที่เป็นผลมาจากสงครามในยูเครนนั้น ยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ นายสกอตต์ จอห์นสัน นักเศรษฐศาสตร์ของบลูมเบิร์ก อีโคโนมิกส์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวเพียง 2.4% ในปี 2566 ซึ่งลดลงจากปี 2565 ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.2% และจะเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2536 โดยไม่นับรวมวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปี 2552 และ 2563 อย่างไรก็ตาม ทิศทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศยังแตกต่างกัน โดยเศรษฐกิจของยูโรโซนจะเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงต้นปี 2566 และเศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยในช่วงปลายปี 2566 ซึ่งสวนทางกับเศรษฐกิจจีนที่คาดว่าจะขยายตัวมากกว่า 5% โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลมีแนวโน้มยุตินโยบายโควิดเป็นศูนย์เร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งการใช้มาตรการฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์ นายจอห์นสันยังกล่าวด้วยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่แตกต่างกันนี้จะเห็นได้จากการดำเนินนโยบายการเงินที่สวนทางกัน โดยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารต่าง ๆ ในยุโรปต่างก็ใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเป็นเวลานานนับปี ขณะที่จีนยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ “ในสหรัฐนั้น การปรับตัวขึ้นของค่าจ้างจะทำให้เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมาย ซึ่งทำให้เราคาดว่า เฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนแตะระดับสูงสุดที่ 5% และจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับดังกล่าวจนถึงไตรมาส 1 ของปี 2567 ส่วนในยูโรโซนนั้น การชะลอตัวลงของเงินเฟ้อจะทำให้อัตราดอกเบี้ยขั้นสูงสุดปรับตัวลดลง และมีแนวโน้มที่จะทำให้ธนาคารกลางยุโรปปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี …
อ่านเพิ่มเติม »
หุ้นไทยปิดเช้าลบ 3.83 จุด แกว่งแคบไร้ปัจจัยใหม่ รอเงินเฟ้อสหรัฐ-เฟดสัปดาห์หน้า : อินโฟเควสท์ตลาดหลักทรัพย์ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ 1,629.14 จุด ลดลง 3.83 จุด (-0.23%) มูลค่าการซื้อขายราว 25,475 ล้านบาท การซื้อขายในช่วงเช้านี้ แกว่งตัวแคบๆ ทั้งในแดนบวกและลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,636.15 จุด และต่ำสุด 1,628.81 จุด นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงเช้าที่ผ่านมาแกว่งในกรอบแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน หลังตัวเลขเงินเฟ้อของไทยในเดือน พ.ย.ออกมาชะลอตัวลงเป็นไปตามคาดการณ์ ทำให้ตลาดฯไม่ได้ตอบรับกับประเด็นดังกล่าวมากนัก รวมถึงค่าเงินบาทก็อ่อนค่าส่งผลให้เงินทุนต่างชาติไหลออก อีกทั้งคาดว่านักลงทุนยังอยู่ระหว่างรอติตดามการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในฝั่งสหรัฐ และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์หน้า แนวโน้มช่วงบ่าย คาดแกว่งตัวแคบๆ คล้ายกันกับช่วงเช้า โดยให้แนวรับไว้ที่ 1,625 จุด และแนวต้าน 1,640 จุด ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,750.44 ล้านบาท ปิดที่ 32.50 บาท …
อ่านเพิ่มเติม »