กรอบบาทสัปดาห์หน้า 34.50-35.30 จับตาประชุมเฟด/ECB/BOE-ตัวเลขศก.-โควิดในจีน เงินบาท ค่าเงินบาท อัตราแลกเปลี่ยน Forex อินโฟเควสท์
ธนาคารกสิกรไทย มองกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในสัปดาห์หน้า ไว้ที่ระดับ 34.50-35.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมนโยบายการเงิน และ Dot Plots ของเฟด ผลการประชุม ECB และ BOE ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงท่าทีต่อมาตรการโควิดของทางการจีน ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก และข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือน พ.ย. ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์ก และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนธ.ค.
เงินบาทเคลื่อนไหวผันผวน โดยเงินบาทพลิกจากระดับที่แข็งค่าสุดในรอบเกือบ 6 เดือนที่ 34.58 บาท/ดอลลาร์ มาทยอยอ่อนค่าลงในช่วงต้น-กลางสัปดาห์ท่ามกลางแรงหนุนของเงินดอลลาร์จากแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ประกอบกับสกุลเงินเอเชียหลายสกุลเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่า จากความกังวลต่อสัญญาณอ่อนแอของเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกแข็งค่าหลุดแนว 35.
นอกจากนี้เงินดอลลาร์ยังมีปัจจัยลบจากข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ออกมาอ่อนแอ ยิ่งหนุนความเป็นไปได้ที่เฟดจะเริ่มชะลอแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุม FOMC วันที่ 13-14 ธ.ค. อย่างไรก็ดีกรอบแข็งค่าของเงินบาทชะลอลงบางส่วนในช่วงปลายสัปดาห์ก่อนเข้าช่วงหยุดยาวของตลาดในประเทศ ในวันศุกร์ที่ 9 ธ.ค.65 เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 34.79 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับ 34.77 บาท/ดอลลาร์ในวันศุกร์ก่อนหน้า สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 6-9 ธ.ค.65 นั้น แม้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 5,148 ล้านบาท แต่ก็มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทยถึง 14,149 ล้านบาท
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
กรอบหุ้นสัปดาห์หน้า 1,600-1,650 จับตาประชุมเฟด/ECB/BOE-Flow-ตัวเลขศก. : อินโฟเควสท์บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองกรอบดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์หน้า (12-16 ธ.ค.) มีแนวรับที่ 1,610 และ 1,600 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,640 และ 1,650 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมเฟด (13-14 ธ.ค.) มาตรการของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล รวมถึงทิศทางเงินทุนต่างชาติ (Flow) ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย. รวมถึงดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ การประชุม ECB และ BOE ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. และดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของยูโรโซน ดัชนี PMI (เบื้องต้น) เดือนธ.ค. ของญี่ปุ่น และยูโรโซน ตลอดจนข้อมูลเศรษฐกิจเดือนพ.ย. ของจีน เช่น ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก …
อ่านเพิ่มเติม »
จับตาเฟด-ECB-BoE พร้อมใจขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.50% ส่งท้ายปี 65 : อินโฟเควสท์ธนาคารกลางชั้นนำของโลก 3 แห่งจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของปีนี้ ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะจัดการประชุมในวันที่ 13-14 ธ.ค. ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมตรงกันในวันที่ 15 ธ.ค. นักวิเคราะห์และตลาดการเงินต่างคาดการณ์ว่า เฟด, ECB และ BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ เฟด นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.50% สู่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมรอบนี้ หลังจากปรับขึ้น 0.75% เป็นจำนวน 4 ครั้งติดต่อกัน ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ซึ่งจะบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปี 2566 นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทะลุ 5.00% ในกลางปีหน้า หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดในช่วงที่ผ่านมายังคงไม่สามารถสกัดความร้อนแรงของตลาดแรงงาน ทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้าเพื่อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงและสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่กรอบ 5.00-5.25% …
อ่านเพิ่มเติม »
ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ ที่ระดับ 34.70 บาทต่อดอลลาร์เงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัว sideways ในกรอบที่กว้าง 34.50-35.20 บาทต่อดอลลาร์ตามคาด ฐานเศรษฐกิจ
อ่านเพิ่มเติม »
ญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการ GDP Q3/65 รับความหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวจากโควิด : อินโฟเควสท์รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 3/2565 ในวันนี้ โดยระบุว่า GDP หดตัวลงเพียง 0.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่า GDP หดตัวลง 1.2% และดีกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์คาดการณ์ว่า GDP อาจหดตัว 1.1% ในไตรมาสดังกล่าว เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส GDP ไตรมาส 3 ของญี่ปุ่น หดตัวลง 0.2% ซึ่งดีกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระบุว่าหดตัว 0.3% สำหรับปัจจัยที่ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นปรับเพิ่มประมาณการตัวเลข GDP ในไตรมาส 3 นั้น มาจากมุมมองเชิงบวกที่ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งใหญ่เป็นอันดับสามของโลกจะค่อย ๆ ฟื้นตัวจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาด แม้ว่าตลาดส่งออกสำคัญหลายแห่งของญี่ปุ่นยังคงส่งสัญญาณชะลอตัวลงก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัวลงเหนือความคาดหมายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยถูกกดดันจากความเสี่ยงที่เศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะถดถอย รวมทั้งการที่เศรษฐกิจจีนอ่อนแอลง เงินเยนที่อ่อนค่าลง และต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการอุปโภคบริโภคและภาคธุรกิจ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นอาจจะฟื้นตัวขึ้นในไตรมาส 4 ปีนี้ เนื่องจากมีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมอุปทานไมโครชิปและรถยนต์ รวมทั้งการยกเลิกมาตรการควบคุมพรมแดนเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 …
อ่านเพิ่มเติม »
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสาน นักลงทุนประเมินความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ : อินโฟเควสท์ตลาดหุ้นเอเชียเปิดผสมผสานในวันนี้ โดยเคลื่อนไหวตามตลาดดัชนี S&P500 ที่ปรับตัวลดลงเมื่อวันพุธ (7 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,622.30 จุด ลดลง 64.10 จุด หรือ -0.23% , ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,965.05 จุด เพิ่มขึ้น 150.23 จุด หรือ +0.80% และ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,196.02 จุด ลดลง 3.60 จุด หรือ -0.11% ดัชนี S&P500 ของตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลว่าการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,597.92 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด …
อ่านเพิ่มเติม »