กรมชลฯ ปรับลดการระบายน้ำท้าย เขื่อนเจ้าพระยา หลังน้ำเหนือแนวโน้มลดลง สถานการณ์น้ำ อินโฟเควสท์
กรมชลประทาน ปรับควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมสำหรับรองรับน้ำเหนือในช่วงต่อจากนี้ไป พร้อมกับการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาปรับลดลงอยู่ระหว่าง 1,650 – 1,750 ลบ.ม./วินาที เริ่มตั้งแต่เวลา 09.00 น.
สำหรับสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปัจจุบัน เวลา 06.00 น. ปริมาณน้ำที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 1,718 ลบ.ม./วินาที ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 3.97 เมตร แนวโน้มทรงตัวลดลงเล็กน้อย มีการระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในเกณฑ์ 1,769 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยา ให้สอดคล้องกับสภาวะฝนที่ตกในพื้นที่ตอนบนและตอนล่างให้มีความสัมพันธ์กัน พร้อมกับเร่งระบายน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด เพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน จึงขอให้ประชาชนติดตามและเฝ้าระวังสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด จนกว่าจะสิ้นสุดฤดูฝนประมาณปลายเดือนตุลาคมนี้
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
ไต้หวันเผชิญความท้าทายทางทหารครั้งใหญ่ เหตุจีนซ้อมรบใกล้เกาะมากขึ้น : อินโฟเควสท์กระทรวงกลาโหมไต้หวันเปิดเผยว่า ไต้หวันกำลังเผชิญกับความท้าทายทางทหารที่รุนแรง เนื่องจากกองทัพจีนทำการซ้อรบใกล้เกาะไต้หวันมากขึ้น โดยจีนมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนสถานะที่เป็นอยู่ของไต้หวัน กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุในรายงานประจำปีที่ยื่นต่อฝ่ายนิติบัญญัติว่า ไต้หวันคาดว่า กองทัพปลดแอกประชาชนจีนจะยังคงส่งเรือรบและเครื่องบินเจ็ตข้ามเส้นแบ่งเขตแดน ซึ่งเป็นเส้นที่แบ่งแยกระหว่างสองฝ่ายอย่างไม่เป็นทางการ เอกสารดังกล่าวระบุว่า จีนดำเนินการซ้อมรบทางทหารหลังนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เดินทางเยือนไต้หวันเมื่อช่วงต้นเดือนส.ค. โดยจีนใช้การเยือนดังกล่าวเป็นข้ออ้างในการสร้างความชอบธรรมต่อการฝึกซ้อม ที่ไม่เพียงแต่จำลองการปิดล้อมรอบเกาะเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการใช้เครื่องมือทางการทูตและเศรษฐกิจในการตอบโต้เช่นกัน สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เครื่องบินรบของจีนละเมิดเส้นแบ่งเขตแดนเกือบทุกวัน นับตั้งแต่การเดินทางของนางเพโลซี ซึ่งสั่นคลอนเขตกันชนที่รักษาความสงบไว้เป็นเวลาหลายสิบปี ก่อนหน้านี้ การฝ่าฝืนเส้นแบ่งเขตแดนเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก อีกทั้ง ไต้หวันยังรายงานด้วยว่าพบเรือรบจีนเฉลี่ย 7 ลำใน “พื้นที่โดยรอบ” ทุกวัน นับตั้งแต่นางเพโลซีออกเดินทางจากไต้หวัน ทั้งนี้ จีนตอบโต้การเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซีด้วยการซ้อมรบบริเวณรอบเกาะไต้หวันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน รวมถึงการยิงขีปนาวุธข้ามเขตแดนจีนเป็นครั้งแรก โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
จีนปล่อยคาร์บอนลดลง 8% เหตุเศรษฐกิจชะลอตัว : อินโฟเควสท์คาร์บอน บรีฟ เว็บไซต์ด้านวิจัยสภาพภูมิอากาศของอังกฤษเปิดเผยว่า จีนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงประมาณ 8% ในไตรมาส 2/2565 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยถือเป็นการลดลงเร็วที่สุดในรอบหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา รายงานระบุว่า การปล่อยมลพิษลดน้อยลงนี้สะท้อนถึงการชะลอตัวอย่างหนักของการขยายตัวทางเศรษฐกิจในจีน ซึ่งเป็นผลจากการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และวิกฤตการณ์ในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญภาวะหนี้ท่วมครั้งมโหฬาร โดยจีนเป็นประเทศที่มีสถิติการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากที่สุดในโลก แต่ระดับการปล่อยก๊าซของประเทศลดลงติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 4 แล้ว นายลอรี มีรีเวียร์ทา นักวิเคราะห์ของศูนย์วิจัยพลังงานและอากาศสะอาดของฟินแลนด์ ซึ่งทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลให้กับคาร์บอน บรีฟ เปิดเผยว่า จำนวนของการเริ่มต้นโครงการก่อสร้างในจีนลดลง 44% และลดลง 33% สำหรับจำนวนโครงการก่อสร้างที่แล้วเสร็จในไตรมาส 2/2565 “จีนปล่อยมลพิษลดลง เพราะการผลิตเหล็กกล้าและซีเมนต์ลดลงจากผลพวงของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ทรุดตัวลง รวมถึงการบังคับใช้มาตรการคุมโควิด-19 และการเติบโตที่ชะลอตัวลงของการอุปโภคไฟฟ้า ขณะเดียวกันการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นจะลดการอุปโภคน้ำมันด้านการขนส่งได้อย่างชัดเจน” นายมีรีเวียร์ทา กล่าว ภาคการก่อสร้างใช้เหล็กกล้าเป็นหลัก โดยอุตสาหกรรมเหล็กกล้าถือเป็นภาคที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเป็นอันดับสองของจีน รองจากการผลิตพลังงาน โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
เงินเยนดิ่งต่ำสุดในรอบ 24 ปีเทียบดอลลาร์ หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย : อินโฟเควสท์สกุลเงินเยนร่วงสู่กรอบบนของ 139 เยนเทียบดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี เนื่องจากนักลงทุนเทขายเงินเยนและเข้าซื้อดอลลาร์จากคาดการณ์ว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสหรัฐกับญี่ปุ่นจะขยับกว้างขึ้นอีก หลังนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่เหนือระดับ 4% ภายในต้นปี 2566 จากปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.25% – 2.50% เงินเยนอ่อนค่าสู่กรอบบนของ 139 เยนเทียบดอลลาร์ในช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2541 หลังจากที่อ่อนค่าแตะ 139.38 เยนในวันที่ 14 ก.ค. สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ณ เที่ยงวันนี้ตามเวลาโตเกียว ดอลลาร์เคลื่อนไหวที่ 139.48-139.51 เยน เทียบกับ 138.91-139.01 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ 138.58-138.61 เยนที่ตลาดโตเกียวเมื่อเวลา 17.00 น.ของเมื่อวานนี้ ยูโรเคลื่อนไหวที่ 1.0021-1.0025 ดอลลาร์ และ 139.77-139.86 เยนเทียบกับ 1.0048-1.0058 ดอลลาร์ และ 139.64-139.74 เยนที่ตลาดนิวยอร์ก และ …
อ่านเพิ่มเติม »
เพื่อไทย มั่นใจศาลรธน.รับคำร้องฝ่ายค้านขอเพิ่มพยานปมวาระนายกฯ 8 ปี : อินโฟเควสท์นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงการยื่นรายชื่อพยานเพิ่มเติมกรณีการสิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญประกอบคำวินิจฉัยว่าการจะรับหรือไม่รับนั้น เป็นสิทธิของศาล และการส่งพยานหลักฐานเพิ่มเติมก็เป็นช่องทางที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งนายชวน ในฐานะที่เป็นผู้ร้อง สามารถส่งพยานเพิ่มเติมได้หากเห็นว่ามีความจำเป็น และมั่นใจว่าศาลจะรับไว้ประกอบพิจารณา “เมื่อรับไว้พิจารณา จะส่งผลกับการพิจารณาหรือไม่ ไม่รู้ แต่ข้อมูลที่เราให้ไป ในเหตุผลประกอบคำร้อง ก็ครบถ้วนหมดแล้ว เพียงแต่เราต้องการเพิ่มน้ำหนักในเชิงสาธารณะ ซึ่งเรามั่นใจว่าศาลจะรับไว้พิจารณา และจะส่งผลดีต่อการพิจารณา” นพ.ชลน่านกล่าว อย่างไรก็ตาม นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญไม่รับก็ไม่มีผลอะไร ส่วนจะดำเนินการอะไรต่อหรือไม่นั้น ก็คงมาพิจารณาดูว่าจะต้องส่งอะไรเพิ่มเข้าไปหรือไม่ หรืออย่างไร ตามขั้นตอนการพิจารณาของศาล หากศาลมีการไต่สวนก็อาจจะขอเพิ่มพยานหลักฐานเข้าไป ต้องดูเป็นเรื่องๆ และดูในรายละเอียด หากศาลไม่มีการไต่สวน พิจารณากฎหมายอย่างเดียวก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ย. 65) FacebookTwitterLine
อ่านเพิ่มเติม »
MEGA ลุยยายตลาดอินโดฯวางผลิตภัณฑ์ครบทุก Segment ดันกำไรโตเท่าตัวภายในปี 68 : อินโฟเควสท์นายวิเวก ดาวัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) เปิดเผยว่า บริษัทเดินหน้าแผนขยายตลาดไปยังประเทศอินโดนีเซีย โดยได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มยา หรือ วิตามิน คาดว่าจะทยอยขึ้นทะเบียนและเริ่มจำหน่ายให้ครบทุกกลุ่มเช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในประเทศไทยในระยะเวลาอันใกล้นี้ สำหรับในเมียนมา บริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายยา 80% ส่วนอีก 20% ที่เป็นสินค้าอื่น ๆ แม้ว่าการเติบโตจะไม่มากนักจากผลกระทบของการรัฐประหาร แต่บริษัทยังคงสามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์ยาได้ตามปกติ และการรับเงินยังอยู่ในภาวะปกติ โดยไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด และเชื่อว่าหากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติผลประกอบการในเมียนมาก็จะกลับมาเติบโตได้ 25-30% เหมือนกับช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ บริษัทยังยืนยันเป้าหมายผลักดันผลประกอบการให้มีกำไรเติบโตเพิ่มเป็นเท่าตัว หรือไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาทภายในปี 66-68 โดยตลาดในประเทศไทย และเวียดนาม รวมถึงทวีปแอฟริกา เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และบริษัทยังยืนยันว่าจะเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในปีนี้ได้ตามแผนที่ 26 ผลิตภัณฑ์ โดยในช่วงที่ผ่านมาของปีนี้บริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ไปแล้ว 9 ผลิตภัณฑ์ “หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้เกิดขึ้น ส่งผลให้เรามาใช้ชีวิตในรูปแบบ new normal และหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น และในขณะเดียวกันเรายังสามารถขยายตลาดในประเทศต่างๆที่เรามีอยู่ แม้ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ ทั้งสงคราม รัฐประหาร หรืออื่นๆ …
อ่านเพิ่มเติม »