กกร.มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 66 สดใสไม่สะดุด ประเทศหลักทยอยฟื้นหนุนท่องเที่ยว-ส่งออก GDP กกร การท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติ สอท ส่งออก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย อัตราเงินเฟ้อ เศรษฐกิจไทย อินโฟเควสท์
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกร.
ทั้งนี้ หลังจากเศรษฐกิจประเทศหลักทยอยฟื้นตัว ส่งผลให้ GDP ของจีนและสหรัฐฯในไตรมาส 1/66 ขยายตัวจากภาคบริการเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ขณะที่ภาคการผลิตที่ชะลอตัวตลอดไตรมาสที่ 1 เริ่มดีขึ้น นำโดยตลาดสหรัฐฯ แม้ว่ายังเผชิญปัญหาสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่องแต่ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อภาคธุรกิจและครัวเรือนมากนัก สัญญาณการปรับตัวดีขึ้นของภาคการผลิตในตลาดหลักเป็นผลดีต่อภาคการส่งออกไทย ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ทั้งนี้...
ดังนั้น กกร. ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทยในรอบนี้ ไว้เท่ากับรอบก่อนในเดือนเม.ย.66 โดยคาดว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ปีนี้จะเติบโตได้ 3-3.5% ส่วนการส่งออก อยู่ที่ -1 ถึง 0% และเงินเฟ้อ 2.7-3.2% นายเกรียงไกร กล่าวด้วยว่า ที่ประชุม กกร. เห็นว่าภาวะต้นทุนยังอยู่ในระดับสูง และอาจปรับตัวลงช้า ราคาในตลาดโลกของสินค้าโภคภัณฑ์ในภาคเกษตร และภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศเศรษฐกิจหลัก ยังทรงตัวในระดับสูงและมีแนวโน้มลดลงช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้เดิม เนื่องจากการส่งผ่านต้นทุนยังไม่สิ้นสุด
เช่นเดียวกับในกรณีของประเทศไทย ที่ผู้ประกอบการมีแนวโน้มทยอยปรับขึ้นราคาสินค้า เพื่อส่งผ่านภาระต้นทุนในระยะข้างหน้า ผลกระทบจากราคาสินค้าและต้นทุนที่มีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง จึงเป็นปัจจัยกดดันภาคธุรกิจและครัวเรือนต่อไป ทั้งนี้ ต้องจับตาความเสี่ยงจากภาวะภัยแล้งที่อาจเกิดขึ้นในระยะข้างหน้า ซึ่งอาจซ้ำเติมราคาอาหารภายในประเทศที่ยังอยู่ในระดับสูง
ประเทศไทย ข่าวล่าสุด, ประเทศไทย หัวข้อข่าว
Similar News:คุณยังสามารถอ่านข่าวที่คล้ายกันนี้ซึ่งเรารวบรวมจากแหล่งข่าวอื่น ๆ ได้
เลือกตั้ง'66: ทีดีอาร์ไอชำแหละนโยบายหาเสียงหมกเม็ด เสี่ยงก่อหนี้ท่วม : อินโฟเควสท์สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เผยนโยบายหาเสียงเกือบทุกพรรคน่าจะทำให้มีการใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นจนขาดดุลงบประมาณอย่างมากในช่วง 4 ปีข้างหน้า นอกจากจะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วยังอาจทำให้เศรษฐกิจขาดเสถียรภาพเพราะขยายตัวในระดับที่ร้อนแรงเกินไป ภายใต้สภาพที่ความเสี่ยงของเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ (demand-pull inflation) ยังไม่ผ่อนคลายและอาจเร่งตัวขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้เงินเฟ้อด้านอุปทาน (supply-side inflation) ซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านี้จากการที่พลังงานมีราคาเพิ่มสูงขึ้นจะผ่อนคลายไปแล้วก็ตาม หากเงินเฟ้อขยับสูงขึ้นต่อเนื่องจนไม่สามารถควบคุมได้จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างรุนแรง และทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ถูกบังคับให้ต้องปรับสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อต้นทุนทางการเงินของธุรกิจและซ้ำเติมภาวะหนี้ครัวเรือนซึ่งอยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว ซึ่งทำให้กลุ่มเปราะบางที่พรรคการเมืองต้องการช่วยเหลือกลับได้รับผลกระทบในด้านลบ โดยข้อมูลที่พรรคการเมืองรายงานต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มี 4 พรรคที่ต้องใช้งบประมาณมากในระดับ 1 ล้านล้านบาท ได้แก่ พรรคภูมิใจไทย 1.9 ล้านล้านบาท, พรรคเพื่อไทย 1.8 ล้านล้านบาท, พรรคก้าวไกล 1.3 ล้านล้านบาท และพรรคพลังประชารัฐ 1 ล้านล้านบาท แต่ข้อมูลที่พรรคการเมืองนำเสนอต่อประชาชนยังไม่สมบูรณ์ เช่น 1.บางพรรคการเมืองหาเสียงโดยใช้นโยบายที่ไม่ปรากฏอยู่ในรายการนโยบายที่รายงานต่อ กกต.ทั้งที่หลายนโยบายก่อให้เกิดภาระทางการเงินสูงมาก จึงเป็นการให้ข้อมูลต่อประชาชนไม่ครบถ้วนอย่างมีนัยสำคัญ 2.หลายพรรคการเมืองอ้างที่มาแหล่งของเงินว่ามาจากการจัดสรรงบประมาณที่มีอยู่ในปัจจุบันใหม่ โดยไม่ให้รายละเอียดว่าจะตัดลดส่วนใดและจะมีโอกาสได้เม็ดเงินจากการตัดลดมาใช้ในการดำเนินนโยบายที่เสนอมากเพียงใด ทำให้ประชาชนไม่เห็นผลกระทบอย่างครบถ้วน กล่าวคือเห็นแต่สิ่งที่จะได้รับแต่ไม่เห็นสิ่งที่ต้องสูญเสียไป เช่นเดียวกันกับบางพรรคการเมืองระบุว่าจะมีรายได้มาจากภาษีเพิ่มขึ้น ก็ไม่ได้ระบุว่าจะมาจากภาษีใด จัดเก็บจากกลุ่มเป้าหมายใด และจะมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับรายได้ตามเป้าหมายเพียงใด 3.ทุกพรรคการเมืองระบุแหล่งที่มาของเงินรายนโยบายโดยไม่ได้แสดงภาพรวม ทำให้ไม่เห็นภาพรวมของความพอเพียงของแหล่งเงิน […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:เพื่อไทย ลั่นเป็นรัฐบาลให้เอาบัตรคนจนแปะข้างฝา : อินโฟเควสท์นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นวันละ 400 บาททันทีในปีหน้า และภายใน 4 ปี ค่าแรงจะปรับขึ้นเป็น 600 บาท สำหรับเงินเดือนปริญญาตรีจะปรับขึ้น 25,000 บาทภายในระยะเวลา 4 ปี เช่นเดียวกัน สำหรับราคาพืชผลทางการเกษตรถือเป็นเรื่องสำคัญ หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะได้เพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า ส่วนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นโยบายนี้มีคนบอกว่าเราทำไม่ได้ จะผิดกฎหมาย ขออย่าเชื่อ ขอให้พี่น้องเชื่อใจ พรรคเพื่อไทย คิดใหญ่ ทำเป็น “พรรคเพื่อไทยไม่มีนโยบายยกเลิกบัตรคนจน แต่เรามั่นใจว่าบัตรคนจนจะหมดไป เมื่อพี่น้องร่ำรวยขึ้น ให้พี่น้องเอาบัตรคนจนแปะข้างฝา ให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ดูต่างหน้าว่าเขาตราหน้าว่าเราเป็นคนจน แต่พรรคเพื่อไทย จะทำให้พี่น้องเราหลุดพ้นจากความเป็นคนจน” นายเศรษฐา กล่าวปราศรัยที่จังหวัดสกลนคร ก่อนหน้านี้ นายเศรษฐาได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า เป้าหมายของการสร้างรถไฟฟ้าเปลี่ยนไปจากเดิมที่ต้องการให้ประชาชนเข้าถึงระบบขนส่งมวลชนได้ แต่รถไฟฟ้ากลายเป็นระบบขนส่งของของชนชั้นกลางขึ้นไปเท่านั้น จากค่าบริการที่คิดเป็น 22% ของค่าแรงต่อวัน […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:ภท.หนุนตั้งองค์กรกิจการฮัจญ์หาเสียงกลุ่มมุสลิม : อินโฟเควสท์นายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญกับพี่น้องมุสลิม เรามีรัฐมนตรี 1 คนที่เป็นมุสลิม เรามี ส.ส.ที่เป็นมุสลิมหลายคน และวันนี้ในเขตเลือกตั้งที่มีพี่น้องมุสลิม เราหวังว่าจะได้กลับมาทำหน้าที่ในสภา เพื่อเป็นปากเสียงให้พี่น้องมุสลิม ผลักดันนโยบายที่เป็นประโยชน์ได้อย่างเต็มที่สมบูรณ์ตามหลักศาสนาอิสลาม หลังการเลือกตั้งถ้าเราได้กลับมาเป็นรัฐบาลจะจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลส่งเสริมกิจการฮัจญ์ เพื่อไม่ให้มีหน่วยงานที่ไม่เหมาะสมเข้ามาบริหารจัดการทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากขึ้น พรรคมีความเป็นหนึ่งเดียวกับพี่น้องมุสลิม ให้เกียรติพี่น้องของเราในการทำหน้าที่เป็นตัวแทน หลายสิ่งหลายอย่างที่เราตั้งใจทำต่อพี่น้องมุสลิมถูกบิดเบือนหลายเรื่อง อาทิ นโยบายกัญชาที่เราตั้งใจเอาพืชที่ทรงคุณค่ามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เรามุ่งหวังที่จะช่วยประชาชนหลายล้านคนที่ไม่สามารถเข้าถึงยาแผนปัจจบัน แต่วันนี้มีคนเอาไปบิดเบือนว่าให้ใช้เสรี ทั้งที่เรามีกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขคุมเข้มอยู่ และในสภาครั้งที่แล้วเราเสนอกฎหมายขึ้นมาเพื่อควบคุมกำกับ แต่ถูกเตะสกัดโดยพรรคการเมืองอื่น “วันที่ 14 พ.ค.นี้เป็นวันเลือกตั้ง พี่น้องอยากได้ ส.ส.ในเขตของท่านอย่างไร เราเสนอบุคคลที่มีความเหมาะสมให้ นอกจากเลือกส.ส.เขตแล้ว ท่านต้องเลือกนายกรัฐมนตรี วันนี้มีหลายท่านเสนอตัวเป็นนายกฯ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเสนอนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกฯ เพราะท่านเหมาะสมเข้าใจการบริหารงานภาครัฐ เป็นรองนายกฯ แก้ปัญหาโควิด-19 ซึ่งในวัย 56 ปี ถือว่ากำลังหนุ่มมีความเหมาะสม จึงขอฝากพี่น้องทั้งเขตและพรรค” นายศุภชัย กล่าว ด้าน น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ แกนนำพรรค กล่าวว่า เราไม่ได้เป็นผู้รู้ […]
อ่านเพิ่มเติม »
เลือกตั้ง'66:'เศรษฐา'ปัด'ทักษิณ'โหนกระแสเรียกเรตติ้งแลนด์สไลด์ : อินโฟเควสท์นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวอยากกลับมาเลี้ยงหลาน หลังจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ได้คลอดลูกชายเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคลตัว ซึ่งตนเข้าใจในความเป็นและตา คงไม่ใช่วิธีการเรียกเรตติ้งให้กับพรรคเพื่อไทย “คงไม่ใช่ ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีนี้ และไม่ทราบด้วยว่าจะเป็นเหตุผลของการเรียกกระแสแลนด์สไลด์หรือไม่ ผมมีหน้าที่นำเสนอนโยบายอย่างเดียว” นายเศรษฐา กล่าว ทั้งนี้หวังว่า น.ส.แพทองธาร จะแข็งแรงหลังการคลอดลูกแล้ว ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งก็จะได้เห็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยทั้ง 3 คนปราศรัยหาเสียงร่วมกันอีกครั้ง และขอให้ฟังการแถลงข่าวจาก น.ส.แพทองธาร ส่วนกรณีที่ตนมีอาการไข้และเสียงแหบนั้นไม่เป็นไร ยังสู้ได้สบาย เมื่อวานนี้ (30 เม.ย.) ได้เข้าโรงพยาบาลให้น้ำเกลือแล้ว ยังมีความพร้อมในการลงพื้นที่ ไม่ต้องห่วง ไม่มีปัญหา ทุกอย่างยังสู้อยู่ วันนี้มาให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.สกลนครทุกคน ถึงอย่างไรก็ต้องมาและพรรคเพื่อไทยต้องได้ ส.ส.สกลนคร ยกจังหวัด ส่วนกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดบนเวทีปราศรัยจังหวัดสงขลาถามประชาชนว่าอยากได้นักธุรกิจมาบริหารประเทศหรือ นายเศรษฐา ระบุว่า […]
อ่านเพิ่มเติม »
สสว.เผย Q1/66 SME มีภาระหนี้เพิ่มจากอัตราดอกเบี้ยสูง : อินโฟเควสท์นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เผยผลสำรวจสถานการณ์ด้านหนี้สินของผู้ประกอบการ SME ในช่วงไตรมาสที่ 1/2566 โดยสอบถามผู้ประกอบการจำนวน 2,670 ราย ใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 17-25 มี.ค.66 พบว่า ผู้ประกอบการ 63.7% มีภาระหนี้สินในกิจการ โดยผู้ประกอบการ 10.3% ชำระหนี้สินเสร็จสิ้นแล้วในไตรมาสที่ 1/2566 และอีก 53.4% ยังคงมีภาระหนี้สินอยู่ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา 44.7% แหล่งกู้ยืมเงินของธุรกิจ 86.1% มาจากสถาบันการเงิน ส่วนอีก 13.9% มาจากแหล่งเงินทุนนอกระบบสถาบันการเงิน โดยเฉพาะจากเพื่อนหรือญาติพี่น้องมากที่สุด สำหรับการกู้ยืมนอกระบบสถาบันการเงิน พบว่า อยู่ในภาคธุรกิจการเกษตรและภาคการค้ามากที่สุด โดยเฉพาะร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) รองลงมา คือ การค้าส่งสินค้าอุปโภคและบริโภคและบริการซ่อมบำรุง โดยวัตถุประสงค์ในการกู้ยืมเงิน คือ นำมาหมุนเวียนในกิจการมากที่สุด รองลงมาคือลงทุนในกิจการและชำระหนี้เดิม ซึ่งต่างจากไตรมาสก่อนหน้าที่การกู้ยืมเงินเพื่อการลงทุนในกิจการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะใช้ในการซ่อมแซมหรือตกแต่งสถานประกอบการ ภาระหนี้สินทั้งหมดของธุรกิจส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 50,000 บาท ถึง […]
อ่านเพิ่มเติม »
'มอร์แกน สแตนลีย์' เล็งปลดพนักงานรอบสองอีก 3,000 รายใน Q2/66 : อินโฟเควสท์มอร์แกน สแตนลีย์ วางแผนที่จะปรับลดพนักงานประมาณ 3,000 ตำแหน่งในไตรมาสที่ 2/2566 ซึ่งนับเป็นการปรับลดพนักงานรอบ 2 ในรอบ 6 เดือน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า การทำข้อตกลงทางธุรกิจและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ยากลำบากกำลังกระตุ้นให้ธนาคารพิจารณาปรับลดจำนวนพนักงาน การปลดพนักงานระลอกล่าสุดมีขึ้นหลังจากรายได้จากธุรกิจวาณิชธนกิจลดลง ซึ่งส่งผลให้รายได้รวมลดลงเกือบ 2% แตะ 1.45 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเดือนที่ผ่านมา ชารอน เยชยา หัวหน้าฝ่ายการเงินของมอร์แกน สแตนลีย์กล่าวว่า การจัดการค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เมื่อคำนึงถึงความไม่แน่นอนของตลาดในวงกว้างและอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ขณะเดียวกัน กลุ่มธนาคารเพื่อการลงทุนของวอลล์สตรีทได้รับผลกระทบจากการทำข้อตกลงทางธุรกิจที่ตกต่ำลง เนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับตลาดที่ผันผวนและอัตราดอกเบี้ยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา นายเจมส์ กอร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของมอร์แกน สแตนลีย์ได้กล่าวว่า ธนาคารจะปรับลดตำแหน่งงานทั่วโลกลงในระดับปานกลาง โดยไม่ได้ระบุจำนวนที่แน่นอน ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2566 มอร์แกน สแตนลีย์มีพนักงานมากกว่า 82,000 คน และการปลดพนักงานระลอกนี้จะส่งผลกระทบต่อพนักงานเกือบ 4% โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 66) Facebook iconFacebookTwitter iconTwitterLINE […]
อ่านเพิ่มเติม »